“มาสเตอร์การ์ด” ห่วงเศรษฐกิจไทย

          ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก มาสเตอร์การ์ด เวิลด์วายด์ เปิดเผยว่า เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2549 ได้ทำการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในไทยช่วง 6 เดือนแรกปี 2550 พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ในระดับที่น่าพอใจที่ 65.1 คะแนน โดยการทำการสำรวจประเมินจาก 5 ปัจจัย ได้แก่ รายได้ปกติ ภาพรวมเศรษฐกิจ ดัชนีหุ้น คุณภาพชีวิต และการจ้างงาน 
          อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยทำให้ไม่สามารถประเมินภาพรวมเศรษฐกิจได้ชัด นอกจากจะมีการทำการสำรวจใหม่อีกครั้ง โดยปัจจัยที่จะกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยตรงในขณะนี้ คือเหตุการณ์ระเบิด และมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ต้องการสกัดกั้นการเก็งกำไรค่าเงินบาท โดยกำหนดให้เงินทุนที่มาจากต่างประเทศไทยจะต้องสำรอง 30 % ทั้งนี้ “ส่วนตัวไม่เห็นด้วยที่ ธปท. กำหนดนโยบายเช่นนั้น ทำไมนอกจากจะทำให้เกิดผลกระทบโดยตรงต่อตลาดหุ้นแล้ว ยังกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนรวมทั้งความเชื่อมั่นผู้บริโภคอีกด้วย”
          และได้กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวทางที่จะทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย กลับคืนมาคือการนำความปกติสุขกลับมาให้เร็วที่สุด โดยรัฐบาลควรดำเนินการจัดตั้งรัฐธรรมนูญและดำเนินการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด เพื่อให้เหตุการณ์ในประเทศเป็นปกติอีกครั้ง 
ประเด็นวิเคราะห์
          ทั้งนี้  ภาพรวมความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเอเชียเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน  อย่างไรก็ตามประเทศในเอเชียควรจับตาปัจจัยภายนอก ประกอบกับการสร้างการเติบโตให้เศรษฐกิจด้วย โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงรวมทั้งการชะลอเศรษฐกิจจีน เนื่องจากเศรษฐกิจเอเชียส่วนมากพึ่งพาการส่งออกไปยัง 2 ประเทศดังกล่าว ฉะนั้น จึงมีความจำเป็นต้องสร้างความต้องการภายในประเทศเพื่อผลักดันเศรษฐกิจ แม้จะชัดเจนว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเอเชียในช่วง 6 เดือนจากนี้จะยังดีอยู่ แต่ก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในช่วง 6 เดือนหลังได้ถ้าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาชะลอตัวอย่างรวดเร็วและกระทบต่อการส่งออกของเอเชีย  
          ที่มา: http://www.depthai.go.th