สรุปการประชุมสภาผู้แทนราษฎรการรายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรี ฉบับที่ ๓

ข่าวการเมือง Friday May 28, 2004 15:58 —รัฐสภา

ฉบับที่ ๓ สรุปการประชุมสภาผู้แทนราษฎร การรายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรี ตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๘๘ วรรคสอง วันพุธที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๔๗ เวลา ๑๖.๓๐ - ๑๗.๓๐ นาฬิกาต่อจากนั้น นางกอบกุล นพอมรบดี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี พรรคชาติพัฒนา ได้อภิปรายเกี่ยวกับผลการดำเนินงานตามแนวนโยบายแห่งรัฐในด้านศาสนา การศึกษา และสาธารณสุข ซึ่งการศึกษาและสาธารณสุขนั้นมีดัชนีเป็นตัวชี้วัด คือ๑. คนชรา ผู้ยากไร้ ผู้พิการ หรือทุพพลภาพ ผู้ด้อยโอกาสให้มีคุณภาพชีวิต ที่ดีและพึ่งตนเองได้ ๒. ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับการพัฒนาศักยภาพในวิชาชีพ ที่สูงขึ้น ๓. ประชาชนได้รับการบริการด้านสาธารณสุขที่ได้มาตรฐานและมี ประสิทธิภาพอย่างทั่วถึงจากโครงการ ๓๐ บาท รักษาทุกโรค โครงการประกันสังคม พระราชบัญญัติเกี่ยวกับการศึกษา พระราชบัญญัติเกี่ยวกับครู ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสนใจอย่างแท้จริง ประชาชนและข้าราชการครู ได้รับการเอาใจใส่อย่างดีจากรัฐบาล แต่ครูเอกชนไม่ได้รับความสนใจจากภาครัฐ ซึ่งจากการที่ได้มีประกาศระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วย การสงเคราะห์ครูใหญ่และครูโรงเรียนเอกชน ในกรณี เจ็บป่วยและคลอดบุตร พ.ศ. ๒๕๔๔ แทนระเบียบเดิม ทำให้สิทธิในเรื่องของการรักษาพยาบาลของ ครูโรงเรียนเอกชนลดลง ทั้งที่ยังคงต้องส่งต้องจ่ายเงินสมทบเหมือนเดิม เป็นการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต กำลังใจ และความเป็นอยู่ของครูเอกชนเป็นอย่างมาก ต่อจากนั้น นายธีระชัย ศิริขันธ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดอำนาจเจริญ พรรคไทยรักไทย ได้กล่าวถึงผลสำเร็จของการดำเนินการของรัฐบาลดังนี้ - นโยบายพักชำระหนี้เกษตรกร ๓ ปี - นโยบาย ๓๐ บาท รักษาทุกโรค - นโยบายการปราบปรามยาเสพติด - นโยบายการปราบปรามผู้มีอิทธิพล - การแก้ไขปัญหาหนี้สินที่ไม่เป็นธรรมของราษฎร - การแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน - การอนุมัติเงิน ๕๔ ล้านบาท ในเบื้องต้นเพื่อก่อสร้างอาคารของ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตอำนาจเจริญ- การขุดลอกอ่างเก็บน้ำและการปรับปรุงถนนในจังหวัดอำนาจเจริญรวมทั้งได้มีข้อเสนอแนะ ดังนี้ - การสร้างจิตสำนึกในความปลอดภัยของเยาวชนยังมีน้อย ควรสร้างจิต สำนึกในความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม - การขาดแคลนครูในจังหวัดอำนาจเจริญ ควรจัดหาครูให้มากขึ้น - ขาดแคลนเมรุเผาศพอย่างถูกสุขลักษณะในชนบท จึงควรจัดสรร งบประมาณในการก่อสร้างเมรุเผาศพดังกล่าวส่วน นายชัยวัฒน์ กุลศักดิ์วิมล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครพนม พรรคราษฎร ได้กล่าวถึงผลงานการดำเนินการของรัฐบาล ซึ่งมีหลายประเด็นไม่ชัดเจนและไม่สามารถแก้ไขในพื้นที่ได้คือ ๑. โครงการตามแนวพระราชดำริหลายโครงการได้รับเงินจัดสรร แต่หลาย โครงการยังไม่ได้รับการแก้ไขและการตอบสนอง เช่น โครงการลุ่ม น้ำกล่ำยังไม่ได้มีการจัดสร้างและแก้ไข จึงขอให้รัฐบาลจัดสรรงบ ประมาณ เพื่อสร้างฝายกั้นน้ำ โครงการลุ่มน้ำกล่ำ ซึ่งยังไม่ได้รับคำตอบ จากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมมาเป็นระยะเวลานานพอสมควร ๒. รัฐบาลสูญเสียงบประมาณในการแก้ไขปัญหาชายแดนด้านกัมพูชา พม่า และมาเลเซีย โดยเสียเงินงบประมาณทางด้านรักษาความมั่นคงเป็น จำนวนมาก แต่ในขณะเดียวกันไม่ได้มีการแก้ไขปัญหาแม่น้ำโขงกัดเซาะ ตลิ่ง ซึ่งในแต่ละปีจะเสียพื้นที่ไปเป็นจำนวนมาก ดังนั้นรัฐบาลจึงควร จัดสรรงบประมาณในการสร้างเขื่อนเพื่อป้องกันตลิ่งพัง แต่สำหรับ กรณีการสร้างเขื่อนที่อำเภอ ธาตุพนม ได้มีการจัดสรรงบประมาณ มาแล้ว แต่ได้มีการโยกงบประมาณบางส่วนไปดำเนินการสร้างอีก ที่หนึ่ง ทำให้การสร้างเขื่อนไม่ติดต่อกัน ถ้าการสร้างเขื่อนดังกล่าว แล้วเสร็จ สามารถทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวและก่อให้เกิดรายได้แก่ ประชาชนในท้องถิ่นได้อีกทางหนึ่งด้วย รวมทั้งขอให้ส่งเจ้าหน้าที่ไป ตรวจสอบการขนของหนีภาษีที่อำเภอธาตุพนม และตามแนวเขต ชายแดน ซึ่งมีผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังในการดำเนินการขนย้าย ดังกล่าว แต่ยังไม่สามารถดำเนินการจับกุมได้ และได้รับการร้องเรียน จากประชาชนชาวไทยเชื้อสายญวน เรื่องการพิจารณาให้สัญชาติไทย โดยขอให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการออกบัตรประชาชนให้แก่ ชาวไทยเชื้อสายญวนด้วย ๓. ด้านการศึกษา รัฐบาลได้ออกนโยบายให้นักเรียนได้รับการศึกษาขั้น พื้นฐานฟรี แต่ปัจจุบันค่าหนังสือและอุปกรณ์การเรียนยังมีราคาแพง ต่อประชาชนผู้มีรายได้น้อย ดังนั้นจึงควรดำเนินการแก้ไขให้หนังสือ และอุปกรณ์การเรียนถูกลง รวมทั้งขอให้กระทรวงศึกษาธิการปรับปรุง หนังสือเรียนให้บุคคลรุ่นหลังสามารถนำมาใช้ต่อได้ สำหรับ นายชวลิต วิชยสุทธิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครพนม พรรคไทยรักไทย ได้กล่าวถึงผลงานการดำเนินการของรัฐบาลในเรื่องนโยบายด้านการต่างประเทศเกี่ยวกับการฟื้นฟูสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนาในทุกด้าน เช่น- ได้ริเริ่มการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีการประชุมในทุก ๆ ด้านทั้งด้านการเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองโดยมีการกำหนดยุทธศาสตร์ร่วมกัน - การพัฒนาบ้านนาจอยเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวและเปิดเป็นหมู่บ้าน มิตรภาพไทย-เวียดนาม ซึ่งจะมีการพัฒนาเป็นอินโดจีนศึกษาขึ้น - การสร้างสะพานแม่น้ำโขงแห่งที่ ๓ ระหว่างไทย ลาว เวียดนาม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อ ๓ ประเทศ ทั้งด้านคมนาคม การค้าขายและ การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม และได้มีข้อเสนอแนะคือ ถ้ามีการประชุมระหว่างประเทศในกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง ขอให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำปัญหาในกรณีที่ประเทศจีนจะสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำโขง ซึ่งจะมีผลกระทบต่อประเทศไทยเกี่ยวกับปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงจะลดลงในช่วงหน้าแล้ง และขอให้กระทรวงมหาดไทยจัดสรรงบประมาณในการสร้างเขื่อนเพื่อป้องกันตลิ่งพังให้มากขึ้นเป็นพิเศษและเหมาะสม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ