กรุงเทพ--18 ส.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศ ได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม รายงานเพิ่มเติมกรณีคนไทยถูกทางการสวีเดนจับกุม มีสาระสำคัญดังนี้
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2541 เวลา 14.30 น. นายปราสาท แม้นสุวรรณ เอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม ได้มีโอกาสสอบถามนายไพฑูรย์ สุพรรณนอก ตัวแทนกลุ่มคนงานไทย ซึ่งเดินทางไปจากจังหวัดหนองบัวลำภูทางโทรศัพท์ ทราบว่า ในการเดินทางไปทำงานที่สวีเดนครั้งนี้ กลุ่มคนไทยประมาณ 40 คน ได้ถูกกลุ่มผู้จัดหางานจากจังหวัดอุดรธานี ซึ่งนายไพฑูรย์ฯ แจ้งว่าชื่อ นางวิรอน ชัยศรีสงคราม และพวก เรียกเก็บเงินคนละ 8 หมื่นบาท (รวมค่าตั๋วเครื่องบิน ส่วนเงินค่าทำหนังสือเดินทางคนงานไทยเป็นผู้ออกเอง) โดยแจ้งแก่กลุ่มคนงานไทยว่าจะพาไปเก็บผลไม้ป่าเพื่อส่งให้แก่พ่อค้าชาวสวีเดน ซึ่งจะมีรายได้จากการเก็บผลไม้ถึงวันละประมาณ 3,000-4,000 บาท จากนั้นผู้จัดการงานจะจัดการเรื่องการตรวจลงตราเข้าสวีเดนให้ และได้แจ้งว่าสามารถพำนักอยู่ในสวีเดนได้นาน 3 เดือน
เมื่อคนไทยกลุ่มนี้พร้อมทั้งกลุ่มผู้จัดหางานเดินทางถึงกรุงสตอกโฮล์มเมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2541 ได้มีหญิงไทย 1 คน และชาวต่างชาติ 1 คน ไปรอรับและพานั่งรถบัสต่อไปยังพื้นที่เขต Umea (อูมีโอ) เมือง Storuman ซึ่งเมื่อไปถึงทุกคนต้องใช้เต้นท์กางเป็นที่พัก และอาศัยอาหารแห้งกับข้าวสารที่นำติดตัวไปคนละ 5 กิโลกรัมเป็นเสบียง ระหว่างอยู่ที่นั่นในแต่ละวันจะมีรถรับส่ง 1 คันรับคนงาน 1 กลุ่มออกไปทำงานเวลา 6 โมงเช้าเพื่อเข้าป่าเก็บผลไม้จากนั้นพอถึงเวลา 10 โมงเช้า รถจะกลับมารับคนงานที่เหลืออีกกลุ่มหนึ่ง คนงานทั้งหมดจะทำงานไปจนถึง 6 โมงเย็นถึง 1 ทุ่ม
ผู้แทนกลุ่มคนงานไทยยังแจ้งด้วยว่า นอกจากกลุ่มของพวกตนซึ่งมีประมาณ 40 คนแล้วยังมีกลุ่มคนงานไทยอื่นๆ อีกประมาณ 20 คนรวมอยู่ด้วย ระหว่างที่พวกคนงานไทยเก็บผลไม้นั้นอากาศหนาวเย็นมาก ประกอบกับเงินค่าจ้างที่ได้รับซึ่งเคยตกลงว่าจะได้วันละ 3,000-4,000 บาทนั้นนับตั้งแต่เดินทางไปถึงกลุ่มคนงานไทยเพิ่งได้รับเงินจากการเก็บผลไม้เพียงประมาณคนละ 150 โครนาสวีเดนเท่านั้น (หรือประมาณ 750 บาท) กลุ่มคนงานไทยจึงได้แจ้งแก่ผู้จัดหางานว่า ต้องการกลับประเทศไทยก่อนกำหนด แต่ได้รับคำตอบว่าหากเดินทางกลับตอนนี้บริษัทคงจะต้องล้มและกลุ่มคนงานไทยก็จะต้องเดือดร้อนกันหมด กลุ่มคนงานไทยจึงจำต้องทนอยู่ต่อไป
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม ได้ดำเนินการติดตามเรื่องนี้จากเจ้าหน้าที่ตำรวจสวีเดน และได้รับแจ้งว่า ทางการสวีเดนกำลังพิจารณาสืบสวนหาผู้รับผิดชอบฝ่ายสวีเดนในเรื่องนี้ด้วย และจะจัดส่งคนงานไทยทั้งหมดกลับโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ โดยจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม โดยสองกลุ่มแรกกำหนดจะเดินทางกลับในวันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม และวันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม โดยสายการบินฟินแอร์ ส่วนกลุ่มที่เหลือจะเดินทางกลับโดยสายการบินบริติชแอร์เวย์ในวันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม
อนึ่ง สถานเอกอัครราชทูตฯ รายงานด้วยว่าทัศนะของชาวสวีเดนโดยทั่วไปเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ เพราะเป็นการเอารัดเอาเปรียบคนยากจนและไม่มีความรู้ เป็นการใช้แรงงานคนเยี่ยงทาส จึงวิพากษ์วิจารณ์และให้ความสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ อันก่อให้เกิดภาพลักษณ์ในทางลบต่อประเทศไทยด้วย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กรมสารนิเทศกระทรวงการต่างประเทศ โทร. 225 0096 หรือ 225 7900-43--จบ--
กระทรวงการต่างประเทศ ได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม รายงานเพิ่มเติมกรณีคนไทยถูกทางการสวีเดนจับกุม มีสาระสำคัญดังนี้
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2541 เวลา 14.30 น. นายปราสาท แม้นสุวรรณ เอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม ได้มีโอกาสสอบถามนายไพฑูรย์ สุพรรณนอก ตัวแทนกลุ่มคนงานไทย ซึ่งเดินทางไปจากจังหวัดหนองบัวลำภูทางโทรศัพท์ ทราบว่า ในการเดินทางไปทำงานที่สวีเดนครั้งนี้ กลุ่มคนไทยประมาณ 40 คน ได้ถูกกลุ่มผู้จัดหางานจากจังหวัดอุดรธานี ซึ่งนายไพฑูรย์ฯ แจ้งว่าชื่อ นางวิรอน ชัยศรีสงคราม และพวก เรียกเก็บเงินคนละ 8 หมื่นบาท (รวมค่าตั๋วเครื่องบิน ส่วนเงินค่าทำหนังสือเดินทางคนงานไทยเป็นผู้ออกเอง) โดยแจ้งแก่กลุ่มคนงานไทยว่าจะพาไปเก็บผลไม้ป่าเพื่อส่งให้แก่พ่อค้าชาวสวีเดน ซึ่งจะมีรายได้จากการเก็บผลไม้ถึงวันละประมาณ 3,000-4,000 บาท จากนั้นผู้จัดการงานจะจัดการเรื่องการตรวจลงตราเข้าสวีเดนให้ และได้แจ้งว่าสามารถพำนักอยู่ในสวีเดนได้นาน 3 เดือน
เมื่อคนไทยกลุ่มนี้พร้อมทั้งกลุ่มผู้จัดหางานเดินทางถึงกรุงสตอกโฮล์มเมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2541 ได้มีหญิงไทย 1 คน และชาวต่างชาติ 1 คน ไปรอรับและพานั่งรถบัสต่อไปยังพื้นที่เขต Umea (อูมีโอ) เมือง Storuman ซึ่งเมื่อไปถึงทุกคนต้องใช้เต้นท์กางเป็นที่พัก และอาศัยอาหารแห้งกับข้าวสารที่นำติดตัวไปคนละ 5 กิโลกรัมเป็นเสบียง ระหว่างอยู่ที่นั่นในแต่ละวันจะมีรถรับส่ง 1 คันรับคนงาน 1 กลุ่มออกไปทำงานเวลา 6 โมงเช้าเพื่อเข้าป่าเก็บผลไม้จากนั้นพอถึงเวลา 10 โมงเช้า รถจะกลับมารับคนงานที่เหลืออีกกลุ่มหนึ่ง คนงานทั้งหมดจะทำงานไปจนถึง 6 โมงเย็นถึง 1 ทุ่ม
ผู้แทนกลุ่มคนงานไทยยังแจ้งด้วยว่า นอกจากกลุ่มของพวกตนซึ่งมีประมาณ 40 คนแล้วยังมีกลุ่มคนงานไทยอื่นๆ อีกประมาณ 20 คนรวมอยู่ด้วย ระหว่างที่พวกคนงานไทยเก็บผลไม้นั้นอากาศหนาวเย็นมาก ประกอบกับเงินค่าจ้างที่ได้รับซึ่งเคยตกลงว่าจะได้วันละ 3,000-4,000 บาทนั้นนับตั้งแต่เดินทางไปถึงกลุ่มคนงานไทยเพิ่งได้รับเงินจากการเก็บผลไม้เพียงประมาณคนละ 150 โครนาสวีเดนเท่านั้น (หรือประมาณ 750 บาท) กลุ่มคนงานไทยจึงได้แจ้งแก่ผู้จัดหางานว่า ต้องการกลับประเทศไทยก่อนกำหนด แต่ได้รับคำตอบว่าหากเดินทางกลับตอนนี้บริษัทคงจะต้องล้มและกลุ่มคนงานไทยก็จะต้องเดือดร้อนกันหมด กลุ่มคนงานไทยจึงจำต้องทนอยู่ต่อไป
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม ได้ดำเนินการติดตามเรื่องนี้จากเจ้าหน้าที่ตำรวจสวีเดน และได้รับแจ้งว่า ทางการสวีเดนกำลังพิจารณาสืบสวนหาผู้รับผิดชอบฝ่ายสวีเดนในเรื่องนี้ด้วย และจะจัดส่งคนงานไทยทั้งหมดกลับโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ โดยจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม โดยสองกลุ่มแรกกำหนดจะเดินทางกลับในวันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม และวันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม โดยสายการบินฟินแอร์ ส่วนกลุ่มที่เหลือจะเดินทางกลับโดยสายการบินบริติชแอร์เวย์ในวันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม
อนึ่ง สถานเอกอัครราชทูตฯ รายงานด้วยว่าทัศนะของชาวสวีเดนโดยทั่วไปเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ เพราะเป็นการเอารัดเอาเปรียบคนยากจนและไม่มีความรู้ เป็นการใช้แรงงานคนเยี่ยงทาส จึงวิพากษ์วิจารณ์และให้ความสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ อันก่อให้เกิดภาพลักษณ์ในทางลบต่อประเทศไทยด้วย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กรมสารนิเทศกระทรวงการต่างประเทศ โทร. 225 0096 หรือ 225 7900-43--จบ--