ข่าวธนาคารแห่งประเทศไทย
ฉบับที่ 6/2541
เรื่อง คำสั่งลดทุนและเพิ่มทุนของธนาคารศรีนคร จำกัด (มหาชน)
ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการตามนโยบายของทางการที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ระบบสถาบันการเงินโดยหารืออย่างใกล้ชิดกับสถาบันการเงินที่ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤติของสถาบันการเงินที่เกิดขึ้นในปี2540จนมีปัญหาสภาพคล่องและเกิดความเสียหายจากลูกหนี้ที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดมีจำนวนสูงทั้งนี้มีเป้าหมายที่จะหยุดยั้งวิกฤติศรัทธราที่เกิดขึ้นและให้สถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องมีเงินกอทุนเพียงพอที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปอย่างมั่นคง
ในกรณีของธนาคารศรีนคร จำกัด (มหาชน)ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เห็นชอบให้มีการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการและฝ่ายจัดการไปแล้วตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2540ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากผู้บริหารชุดเดิมและได้มีผลทำให้ปริมาณเงินฝากของธนาคารมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเป็นลำดับนับตั้งแต่ต้นปี2541 นี้
อย่างไรก็ดีในด้านฐานะการเงินนั้น ขณะนี้ธนาคารศรีนคร จำกัด(มหาชน)ยังไม่อยู่ในฐานะที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปได้เนื่องจากมีความเสียหายที่ถูกซ้ำเติมโดยภาวะเศรษฐกิจการเงินและขาดแคลนสภาพคล่องทำให้มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนอย่างเร่งด่วนในการนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้อาศัยอำนาจตามกฎหมายสั่งการให้ธนาคารศรีนครจำกัด (มหาชน)ดำเนินการเพิ่มทุนให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนดเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของประชาชนและได้รับลแจ้งจากธนาคารศรีนครจำกัด(มหาชน)ว่าได้ใช้ความพยายามอย่างยิ่งที่จะหาผู้ร่วมลงทุนโดยเฉพาะจากต่างประเทศแต่จากภาวะความผันผวนทางการเงินในปัจจุบันจึงไม่สามารถดำเนินการเพิ่มทุนได้เองภายในเวลาที่กำหนดดังกล่าวในกรณีเช่นนี้ทางการได้กำหนดเป็นนโยบายไว้แล้วว่าหากมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ธนาคารพาณิชย์จะต้องเพิ่มทุนแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เองทางการจะเข้าไปเพิ่มทุนให้แต่ทั้งนี้เพื่อมิให้เป็นภาระแก่ทางการมากเกินไปผู้ถือหุ้นเดิมจะต้องรับรู้ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับธนาคารพาณิชย์แห่งนั้นก่อนโดยให้มีการลดทุนตามจำนวนความเสียหายที่เกิดขึ้น
สำหรับธนาคารศรีนคร จำกัด(มหาชน) นั้นธนาคารแห่งประเทศไทยได้เข้าตรวจสอบฐานะการเงินโดยละเอียดซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากฝ่ายจัดการ ผลปรากฏว่าธนาคารศรีนครจำกัด(มหาชน) มีความเสียหายจำนวนสูงกว่าเงินกองทุนที่มีอยู่ ดังนั้นธนาคารแห่งประเทศไทยจึงได้อาศัยอำนาจตามกฏหมายมีคำสั่งเมื่อวันที่ 23 มกราคม2541 ให้ธนาคารศรีนคร จำกัด (มหาชน) ดำเนินการลดทุนและเพิ่มทุนโดยให้ลดทุนจำนวนทั้งสิ้น 11,011 ล้านบาท ทำให้มูลค่าต่อหุ้นลดลงเหลือ 0.01บาท ลดลงต่ำกว่ามูลค่าหุ้นที่จดทะเบียนหุ้นละ 10 บาท และจะต้องเพิ่มทุนจำนวน25,000 ล้านบาททั้งนี้โดยให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเข้าเพิ่มทุนในนามของทางการการเพิ่มทุนจำนวนนี้จะทำให้ธนาคารศรีนคร จำกัด (มหาชน)มีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงตามเกณฑ์ของ BIS ประมาณร้อยละ 10สูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ทางการกำหนดร้อยละ 8.5
ธนาคารแห่งประเทศไทยขอเรียนว่าเป้าหมายการดำเนินการทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้มีการปรับปรุงการดำเนินงานของธนาคารศรีนครจำกัด (มหาชน) ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นสร้างความเชื่อมั่นและปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนผู้ฝากเงินรวมถึงเจ้าหนี้ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศการเพิ่มทุนจะช่วยให้ธนาคารศรีนครจำกัด (มหาชน) มีเงินกองทุนเพียงพอในการดำเนินธุรกิจได้ตามปกติเสริมสร้างสภาพคล่องและรองรับภาระการกันเงินสำรองตามเกณฑ์มาตรฐานที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดนอกจากจะช่วยทำให้เกิดความมั่นคงแก่ฐานะและการดำเนินงานของธนาคารให้เกิดขึ้นโดยเร็วแล้วยังจะทำให้ระบบสถาบันการเงินในประเทศมีความมั่นคงและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศตลอดจนจูงใจให้มีผู้เข้าร่วมทุนใหม่ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ
ธนาคารแห่งประเทศไทยขอยืนยันเจตนาและให้ความมั่นใจว่าจะควบคุมดูแลการดำเนินงานของสถาบันการเงินไทยเพื่อให้เข้าสู่มาตรฐานสากลโดยเร็วและทางการยังจะดูแลและประกันเงินฝากของผู้ฝากเงินและเจ้าหนี้ของสถาบันการเงินรวมถึงการดูแลช่วยเหลือสภาพคล่องให้แก่สถาบันการเงินต่าง ๆ ต่อไปจึงขอให้ประชาชนอย่าได้ใส่ใจต่อข่าวลือที่สร้างภาพในทางที่เสียหายเกี่ยวกับการดำเนินงานของสถาบันการเงินต่างๆ และขอให้มีความเชื่อมั่นต่อแนวทางดำเนินการของทางการ
จึงขอแถลงมาเพื่อทราบ
ธนาคารแห่งประเทศไทย
23 มกราคม 2541
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
ฉบับที่ 6/2541
เรื่อง คำสั่งลดทุนและเพิ่มทุนของธนาคารศรีนคร จำกัด (มหาชน)
ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการตามนโยบายของทางการที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ระบบสถาบันการเงินโดยหารืออย่างใกล้ชิดกับสถาบันการเงินที่ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤติของสถาบันการเงินที่เกิดขึ้นในปี2540จนมีปัญหาสภาพคล่องและเกิดความเสียหายจากลูกหนี้ที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดมีจำนวนสูงทั้งนี้มีเป้าหมายที่จะหยุดยั้งวิกฤติศรัทธราที่เกิดขึ้นและให้สถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องมีเงินกอทุนเพียงพอที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปอย่างมั่นคง
ในกรณีของธนาคารศรีนคร จำกัด (มหาชน)ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เห็นชอบให้มีการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการและฝ่ายจัดการไปแล้วตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2540ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากผู้บริหารชุดเดิมและได้มีผลทำให้ปริมาณเงินฝากของธนาคารมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเป็นลำดับนับตั้งแต่ต้นปี2541 นี้
อย่างไรก็ดีในด้านฐานะการเงินนั้น ขณะนี้ธนาคารศรีนคร จำกัด(มหาชน)ยังไม่อยู่ในฐานะที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปได้เนื่องจากมีความเสียหายที่ถูกซ้ำเติมโดยภาวะเศรษฐกิจการเงินและขาดแคลนสภาพคล่องทำให้มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนอย่างเร่งด่วนในการนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้อาศัยอำนาจตามกฎหมายสั่งการให้ธนาคารศรีนครจำกัด (มหาชน)ดำเนินการเพิ่มทุนให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนดเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของประชาชนและได้รับลแจ้งจากธนาคารศรีนครจำกัด(มหาชน)ว่าได้ใช้ความพยายามอย่างยิ่งที่จะหาผู้ร่วมลงทุนโดยเฉพาะจากต่างประเทศแต่จากภาวะความผันผวนทางการเงินในปัจจุบันจึงไม่สามารถดำเนินการเพิ่มทุนได้เองภายในเวลาที่กำหนดดังกล่าวในกรณีเช่นนี้ทางการได้กำหนดเป็นนโยบายไว้แล้วว่าหากมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ธนาคารพาณิชย์จะต้องเพิ่มทุนแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เองทางการจะเข้าไปเพิ่มทุนให้แต่ทั้งนี้เพื่อมิให้เป็นภาระแก่ทางการมากเกินไปผู้ถือหุ้นเดิมจะต้องรับรู้ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับธนาคารพาณิชย์แห่งนั้นก่อนโดยให้มีการลดทุนตามจำนวนความเสียหายที่เกิดขึ้น
สำหรับธนาคารศรีนคร จำกัด(มหาชน) นั้นธนาคารแห่งประเทศไทยได้เข้าตรวจสอบฐานะการเงินโดยละเอียดซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากฝ่ายจัดการ ผลปรากฏว่าธนาคารศรีนครจำกัด(มหาชน) มีความเสียหายจำนวนสูงกว่าเงินกองทุนที่มีอยู่ ดังนั้นธนาคารแห่งประเทศไทยจึงได้อาศัยอำนาจตามกฏหมายมีคำสั่งเมื่อวันที่ 23 มกราคม2541 ให้ธนาคารศรีนคร จำกัด (มหาชน) ดำเนินการลดทุนและเพิ่มทุนโดยให้ลดทุนจำนวนทั้งสิ้น 11,011 ล้านบาท ทำให้มูลค่าต่อหุ้นลดลงเหลือ 0.01บาท ลดลงต่ำกว่ามูลค่าหุ้นที่จดทะเบียนหุ้นละ 10 บาท และจะต้องเพิ่มทุนจำนวน25,000 ล้านบาททั้งนี้โดยให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเข้าเพิ่มทุนในนามของทางการการเพิ่มทุนจำนวนนี้จะทำให้ธนาคารศรีนคร จำกัด (มหาชน)มีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงตามเกณฑ์ของ BIS ประมาณร้อยละ 10สูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ทางการกำหนดร้อยละ 8.5
ธนาคารแห่งประเทศไทยขอเรียนว่าเป้าหมายการดำเนินการทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้มีการปรับปรุงการดำเนินงานของธนาคารศรีนครจำกัด (มหาชน) ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นสร้างความเชื่อมั่นและปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนผู้ฝากเงินรวมถึงเจ้าหนี้ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศการเพิ่มทุนจะช่วยให้ธนาคารศรีนครจำกัด (มหาชน) มีเงินกองทุนเพียงพอในการดำเนินธุรกิจได้ตามปกติเสริมสร้างสภาพคล่องและรองรับภาระการกันเงินสำรองตามเกณฑ์มาตรฐานที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดนอกจากจะช่วยทำให้เกิดความมั่นคงแก่ฐานะและการดำเนินงานของธนาคารให้เกิดขึ้นโดยเร็วแล้วยังจะทำให้ระบบสถาบันการเงินในประเทศมีความมั่นคงและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศตลอดจนจูงใจให้มีผู้เข้าร่วมทุนใหม่ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ
ธนาคารแห่งประเทศไทยขอยืนยันเจตนาและให้ความมั่นใจว่าจะควบคุมดูแลการดำเนินงานของสถาบันการเงินไทยเพื่อให้เข้าสู่มาตรฐานสากลโดยเร็วและทางการยังจะดูแลและประกันเงินฝากของผู้ฝากเงินและเจ้าหนี้ของสถาบันการเงินรวมถึงการดูแลช่วยเหลือสภาพคล่องให้แก่สถาบันการเงินต่าง ๆ ต่อไปจึงขอให้ประชาชนอย่าได้ใส่ใจต่อข่าวลือที่สร้างภาพในทางที่เสียหายเกี่ยวกับการดำเนินงานของสถาบันการเงินต่างๆ และขอให้มีความเชื่อมั่นต่อแนวทางดำเนินการของทางการ
จึงขอแถลงมาเพื่อทราบ
ธนาคารแห่งประเทศไทย
23 มกราคม 2541
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--