กรุงเทพ--20 ธ.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
ด้วยวันนี้(20 ธันวาคม 2542) ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนเกี่ยวกับผลการพบปะหารือ ระหว่าง ฯพณฯนายชวน หลีกภัย กับฯพณฯ ดร. จอร์จี เฟร์นันดู บรังกู เดอ ซัมปายอู ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐโปรตุเกส เกี่ยวกับบทบาทของไทยในการฟื้นฟูติมอร์ตะวันออกในวันนี้ สรุปดังนี้
1.ไทย และโปรตุเกสมีความเห็นร่วมกันว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะร่วมกันฟื้นฟูติมอร์ตะวันออก โดยทั้ง 2 ฝ่ายได้ตกลงกันว่า ในช่วงที่โปรตุเกสจะเป็นประธาน EU ในอีก 6 เดือนข้างหน้าตั้งแต่ 1 มกราคม 2543 และในช่วงหลังของการที่ประเทศไทยเป็นประธานกรรมาธิการประจำ ASEAN ทั้ง 2 ฝ่ายจะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การฟื้นฟูติมอร์ตะวันออกเป็นไปอย่างราบรื่น และมีประสิทธิภาพ
2.ฝ่ายไทยได้สอบถามประธานาธิบดีโปรตุเกสเกี่ยวกับศักยภาพทางเศรษฐกิจ และทรัพยากรธรรมชาติของติมอร์ตะวันออก ซึ่งประธานาธิบดีโปรตุเกสได้ยืนยันว่าติมอร์ตะวันออกมีทรัพยากรธรรมชาติมากพอสมควร แต่ก็มีเพียงปัญหาการจัดระบบทรัพยากรธรรมชาติที่จะเข้าไปพัฒนา
3. นอกจากนี้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีได้แจ้งประธานาธิบดีโปรตุเกสให้ทราบว่า ไทย ยืนยันที่จะส่งทหารเข้าไปร่วมประจำการในติมอร์ตะวันออกในระยะที่ 3 แต่รายละเอียดจะมีการหารืออย่างรอบคอบต่อไป (ทั้งนี้จะส่งกองทหารไปร่วมไม่ถึง 1,581 คนอย่างแน่นอน)ซึ่งทางฝ่ายโปรตุเกสเองก็ได้แจ้งว่ายังไม่ได้รับการยืนยันจากสหประชาชาติว่า ต้องการจะให้โปรตุเกสส่งกองกำลังไปฟื้นฟูติมอร์ตะวันออกจำนวนเท่าใด และในประเภทใดบ้าง--จบ--
ด้วยวันนี้(20 ธันวาคม 2542) ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนเกี่ยวกับผลการพบปะหารือ ระหว่าง ฯพณฯนายชวน หลีกภัย กับฯพณฯ ดร. จอร์จี เฟร์นันดู บรังกู เดอ ซัมปายอู ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐโปรตุเกส เกี่ยวกับบทบาทของไทยในการฟื้นฟูติมอร์ตะวันออกในวันนี้ สรุปดังนี้
1.ไทย และโปรตุเกสมีความเห็นร่วมกันว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะร่วมกันฟื้นฟูติมอร์ตะวันออก โดยทั้ง 2 ฝ่ายได้ตกลงกันว่า ในช่วงที่โปรตุเกสจะเป็นประธาน EU ในอีก 6 เดือนข้างหน้าตั้งแต่ 1 มกราคม 2543 และในช่วงหลังของการที่ประเทศไทยเป็นประธานกรรมาธิการประจำ ASEAN ทั้ง 2 ฝ่ายจะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การฟื้นฟูติมอร์ตะวันออกเป็นไปอย่างราบรื่น และมีประสิทธิภาพ
2.ฝ่ายไทยได้สอบถามประธานาธิบดีโปรตุเกสเกี่ยวกับศักยภาพทางเศรษฐกิจ และทรัพยากรธรรมชาติของติมอร์ตะวันออก ซึ่งประธานาธิบดีโปรตุเกสได้ยืนยันว่าติมอร์ตะวันออกมีทรัพยากรธรรมชาติมากพอสมควร แต่ก็มีเพียงปัญหาการจัดระบบทรัพยากรธรรมชาติที่จะเข้าไปพัฒนา
3. นอกจากนี้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีได้แจ้งประธานาธิบดีโปรตุเกสให้ทราบว่า ไทย ยืนยันที่จะส่งทหารเข้าไปร่วมประจำการในติมอร์ตะวันออกในระยะที่ 3 แต่รายละเอียดจะมีการหารืออย่างรอบคอบต่อไป (ทั้งนี้จะส่งกองทหารไปร่วมไม่ถึง 1,581 คนอย่างแน่นอน)ซึ่งทางฝ่ายโปรตุเกสเองก็ได้แจ้งว่ายังไม่ได้รับการยืนยันจากสหประชาชาติว่า ต้องการจะให้โปรตุเกสส่งกองกำลังไปฟื้นฟูติมอร์ตะวันออกจำนวนเท่าใด และในประเภทใดบ้าง--จบ--