ข่าวธนาคารแห่งประเทศไทย
ฉบับที่ 19/2541
เรื่อง การรณรงค์ส่งเสริมการประหยัดและการออมในรอบปี 2540
ตั้งแต่ต้นปี 2540 เป็นต้นมา หลังจากที่คนไทยคุ้นเคยกับเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วมาสู่เศรษฐกิจถดถอยจนเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ เงินออมของประเทศที่เคยสูงก็มีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะเงินออมภาคครัวเรือน ทางการจึงได้กำหนดนโยบายรณรงค์ส่งเสริมการประหยัดและการออม เพื่อสร้างวินัยในการใช้จ่าย เก็บออม และฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ โดยรัฐบาลได้มอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นแกนนำประสานงานกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในการรณรงค์ ส่งเสริมการประหยัดและการออม ซึ่งได้เริ่มจริงจังตั้งแต่ต้นปี 2540 เป็นต้นมา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้จัดตั้งคณะกรรมการรณรงค์ระดมเงินออมเมื่อ 2 มกราคม 2540 และได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิจาก ภายนอกร่วมเป็นที่ปรึกษา 3 คน พร้อมทั้งได้ประชุมหารือกับสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน บริษัทเงินทุน นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งหน่วยงาน คือ ทีมเงินออม ในสำนัก- ผู้ว่าการ เพื่อปฏิบัติงานด้านรณรงค์ส่งเสริมการประหยัดและการออมอย่างต่อเนื่อง
การรณรงค์มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประหยัดและการออมที่ถูกต้อง เพื่อปลูกฝังนิสัยการวางแผนการใช้จ่ายอย่างประหยัดและรักการออมในทุกระดับ และเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมการออมให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการประหยัดและการออมจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน
ในปี 2540 ที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ และการจัดสัมมนา การบรรยาย การจัดนิทรรศการ ตามมหาวิทยาลัยและโรงเรียนต่าง ๆ กว่า 30 ครั้ง พร้อมทั้ง เผยแพร่สื่อการออม อาทิ แผ่นพับ และฉลากติดเผยแพร่คำขวัญ “ใช้จ่ายฉลาด ทุกบาทมีค่า เก็บออมดีกว่า อย่าคิดฟุ่มเฟือย” ไปยังกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ ยังได้จัดพิมพ์เอกสารรณรงค์ระดมเงินออมเพื่อเป็นเครื่องมือให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไปรู้จักการดำเนินชีวิตอย่างประหยัดและ ปลูกฝังนิสัยให้เก็บออม ตลอดจนมีการวางแผนการใช้จ่ายเงินอย่างถูกต้อง เอกสารชุดนี้ประกอบด้วย
1) หนังสือการ์ตูน “มาออมกันเถอะ” มีเนื้อหาเกี่ยวกับความหมาย ความสำคัญ ประโยชน์ และวิธีการออม
2) สมุดบันทึกรับ-จ่ายเงินสำหรับเด็กวัยรุ่นและประจำครอบครัว เพื่อใช้เป็นคู่มือในการ วางแผนการใช้จ่ายของเด็กและผู้ใหญ่ให้ถูกต้องและเป็นระบบมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถนำมาใช้เป็นข้อมูลในการประเมินการใช้จ่ายที่ผ่านมาว่าเหมาะสมหรือไม่เพียงไร เพื่อจะได้นำไปปรับปรุงแผนการ ใช้จ่ายอย่างชาญฉลาดในอนาคต เช่น ตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นหรือฟุ่มเฟือยลง โดยเฉพาะสินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งหากประชาชนมีพฤติกรรมการใช้จ่ายอย่างฉลาดและสามารถเก็บออมได้ นอกจากจะทำให้การดำเนินชีวิตของตนเองและครอบครัวมั่นคงแล้วยังช่วยเสริมสร้างให้ประเทศชาติเจริญเติบโตอย่างมี เสถียรภาพด้วย
การรณรงค์ส่งเสริมการประหยัดและการออมนี้จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมการประหยัดและการออมในทุกกลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มนักเรียน นิสิต และนักศึกษา กลุ่มสตรีและแม่บ้าน กลุ่มวัยทำงาน และประชาชนทั่วไป โดยมีแผนปฏิบัติงานต่อเนื่องที่สำคัญดังนี้
1) การรณรงค์ส่งเสริมการประหยัดและการออมในกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ผ่านสื่อโทรทัศน์วิทยุ และสิ่งพิมพ์ เช่น แผ่นโฆษณาประชาสัมพันธ์ แผ่นพับ วารสาร เป็นต้น
2) จัดนิทรรศการรณรงค์การประหยัดและการออมตามกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ
3) ขอความร่วมมือจากกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อบรรจุเรื่องการประหยัดและการออมในหลักสูตรการศึกษา ทั้งนี้ เพื่อปลูกฝังค่านิยมและจิตสำนึกให้แก่ยุวชนได้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของการประหยัดและการออมตั้งแต่วัยเยาว์
4) กำหนดวันออมแห่งชาติ เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงการใช้จ่ายอย่างประหยัดและการเก็บออมเงินเพื่อความมั่นคงในการดำรงชีวิต สร้างสังคมอย่างมีเป้าหมาย และสนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
5) ขอความร่วมมือการสื่อสารแห่งประเทศไทยพิจารณาออกแสตมป์รณรงค์ระดมเงินออม
6) จัดฝึกอบรม สัมมนา และเสวนา ผู้นำกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเป็นแนวร่วมในการเผยแพร่แนวคิดเรื่องการประหยัดและการออม รวมทั้งเสริมสร้างวัฒนธรรมการออมในกลุ่มเป้าหมายนั้น ๆ
7) จัดเสวนาระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับการรณรงค์ส่งเสริมการประหยัดและการออม
8) ศึกษา “วัฒนธรรมการออม” ของคนไทยในอดีตและปัจจุบัน เพื่อจัดตั้งพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมการออม
อนึ่ง เนื่องจากการรณรงค์ส่งเสริมการประหยัดและการออมจะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการรณรงค์ระดมเงินออมยินดีรับความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากประชาชนทั่วไป ทั้งนี้ เพื่อให้คนไทยทุกคนมีส่วนร่วมที่จะกระตุ้นให้คนไทยเห็นความสำคัญของการประหยัดและการออม จนทำให้เกิดวัฒนธรรมการออมอย่างถาวรในประเทศไทยต่อไป โดยส่งความคิดเห็นมายังทีมเงินออม สำนักผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย 273 ถนนสามเสน เขตพระนคร กทม. 10200
ธนาคารแห่งประเทศไทย
20 เมษายน 2541
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
ฉบับที่ 19/2541
เรื่อง การรณรงค์ส่งเสริมการประหยัดและการออมในรอบปี 2540
ตั้งแต่ต้นปี 2540 เป็นต้นมา หลังจากที่คนไทยคุ้นเคยกับเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วมาสู่เศรษฐกิจถดถอยจนเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ เงินออมของประเทศที่เคยสูงก็มีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะเงินออมภาคครัวเรือน ทางการจึงได้กำหนดนโยบายรณรงค์ส่งเสริมการประหยัดและการออม เพื่อสร้างวินัยในการใช้จ่าย เก็บออม และฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ โดยรัฐบาลได้มอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นแกนนำประสานงานกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในการรณรงค์ ส่งเสริมการประหยัดและการออม ซึ่งได้เริ่มจริงจังตั้งแต่ต้นปี 2540 เป็นต้นมา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้จัดตั้งคณะกรรมการรณรงค์ระดมเงินออมเมื่อ 2 มกราคม 2540 และได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิจาก ภายนอกร่วมเป็นที่ปรึกษา 3 คน พร้อมทั้งได้ประชุมหารือกับสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน บริษัทเงินทุน นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งหน่วยงาน คือ ทีมเงินออม ในสำนัก- ผู้ว่าการ เพื่อปฏิบัติงานด้านรณรงค์ส่งเสริมการประหยัดและการออมอย่างต่อเนื่อง
การรณรงค์มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประหยัดและการออมที่ถูกต้อง เพื่อปลูกฝังนิสัยการวางแผนการใช้จ่ายอย่างประหยัดและรักการออมในทุกระดับ และเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมการออมให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการประหยัดและการออมจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน
ในปี 2540 ที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ และการจัดสัมมนา การบรรยาย การจัดนิทรรศการ ตามมหาวิทยาลัยและโรงเรียนต่าง ๆ กว่า 30 ครั้ง พร้อมทั้ง เผยแพร่สื่อการออม อาทิ แผ่นพับ และฉลากติดเผยแพร่คำขวัญ “ใช้จ่ายฉลาด ทุกบาทมีค่า เก็บออมดีกว่า อย่าคิดฟุ่มเฟือย” ไปยังกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ ยังได้จัดพิมพ์เอกสารรณรงค์ระดมเงินออมเพื่อเป็นเครื่องมือให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไปรู้จักการดำเนินชีวิตอย่างประหยัดและ ปลูกฝังนิสัยให้เก็บออม ตลอดจนมีการวางแผนการใช้จ่ายเงินอย่างถูกต้อง เอกสารชุดนี้ประกอบด้วย
1) หนังสือการ์ตูน “มาออมกันเถอะ” มีเนื้อหาเกี่ยวกับความหมาย ความสำคัญ ประโยชน์ และวิธีการออม
2) สมุดบันทึกรับ-จ่ายเงินสำหรับเด็กวัยรุ่นและประจำครอบครัว เพื่อใช้เป็นคู่มือในการ วางแผนการใช้จ่ายของเด็กและผู้ใหญ่ให้ถูกต้องและเป็นระบบมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถนำมาใช้เป็นข้อมูลในการประเมินการใช้จ่ายที่ผ่านมาว่าเหมาะสมหรือไม่เพียงไร เพื่อจะได้นำไปปรับปรุงแผนการ ใช้จ่ายอย่างชาญฉลาดในอนาคต เช่น ตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นหรือฟุ่มเฟือยลง โดยเฉพาะสินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งหากประชาชนมีพฤติกรรมการใช้จ่ายอย่างฉลาดและสามารถเก็บออมได้ นอกจากจะทำให้การดำเนินชีวิตของตนเองและครอบครัวมั่นคงแล้วยังช่วยเสริมสร้างให้ประเทศชาติเจริญเติบโตอย่างมี เสถียรภาพด้วย
การรณรงค์ส่งเสริมการประหยัดและการออมนี้จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมการประหยัดและการออมในทุกกลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มนักเรียน นิสิต และนักศึกษา กลุ่มสตรีและแม่บ้าน กลุ่มวัยทำงาน และประชาชนทั่วไป โดยมีแผนปฏิบัติงานต่อเนื่องที่สำคัญดังนี้
1) การรณรงค์ส่งเสริมการประหยัดและการออมในกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ผ่านสื่อโทรทัศน์วิทยุ และสิ่งพิมพ์ เช่น แผ่นโฆษณาประชาสัมพันธ์ แผ่นพับ วารสาร เป็นต้น
2) จัดนิทรรศการรณรงค์การประหยัดและการออมตามกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ
3) ขอความร่วมมือจากกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อบรรจุเรื่องการประหยัดและการออมในหลักสูตรการศึกษา ทั้งนี้ เพื่อปลูกฝังค่านิยมและจิตสำนึกให้แก่ยุวชนได้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของการประหยัดและการออมตั้งแต่วัยเยาว์
4) กำหนดวันออมแห่งชาติ เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงการใช้จ่ายอย่างประหยัดและการเก็บออมเงินเพื่อความมั่นคงในการดำรงชีวิต สร้างสังคมอย่างมีเป้าหมาย และสนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
5) ขอความร่วมมือการสื่อสารแห่งประเทศไทยพิจารณาออกแสตมป์รณรงค์ระดมเงินออม
6) จัดฝึกอบรม สัมมนา และเสวนา ผู้นำกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเป็นแนวร่วมในการเผยแพร่แนวคิดเรื่องการประหยัดและการออม รวมทั้งเสริมสร้างวัฒนธรรมการออมในกลุ่มเป้าหมายนั้น ๆ
7) จัดเสวนาระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับการรณรงค์ส่งเสริมการประหยัดและการออม
8) ศึกษา “วัฒนธรรมการออม” ของคนไทยในอดีตและปัจจุบัน เพื่อจัดตั้งพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมการออม
อนึ่ง เนื่องจากการรณรงค์ส่งเสริมการประหยัดและการออมจะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการรณรงค์ระดมเงินออมยินดีรับความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากประชาชนทั่วไป ทั้งนี้ เพื่อให้คนไทยทุกคนมีส่วนร่วมที่จะกระตุ้นให้คนไทยเห็นความสำคัญของการประหยัดและการออม จนทำให้เกิดวัฒนธรรมการออมอย่างถาวรในประเทศไทยต่อไป โดยส่งความคิดเห็นมายังทีมเงินออม สำนักผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย 273 ถนนสามเสน เขตพระนคร กทม. 10200
ธนาคารแห่งประเทศไทย
20 เมษายน 2541
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--