สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--18 มี.ค.--บิสนิวส์
1. สถานการณ์สินค้า
1.1 สินค้าที่มีปัญหา
สัปดาห์นี้ไม่มีสินค้าที่มีปัญหา
1.2 สินค้าที่ต้องคอยเฝ้าระวัง
มันสำปะหลัง : ราคาหัวมันสำปะหลังในปี 2541 พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
จะทำให้เกษตรกรขยายพื้นที่ปลูกในฤดูใหม่
หน่วย : บาท/กก.
ปี มค. กพ. มีค. เมย. พค. มิย. กค. สค. กย. ตค. พย. ธค. เฉลี่ย
2539 1.04 1.00 1.00 0.92 0.86 0.83 0.74 0.70 0.69 0.76 0.73 0.75 0.83
2540 0.68 0.67 0.67 0.65 0.55 0.53 0.53 0.60 0.67 0.71 0.89 0.98 0.68
2541 1.08 1.29 1.47
หมายเหตุ : เดือนมีนาคม เฉลี่ย 2 สัปดาห์
ปี 2541 เป็นปีที่ประเทศประสบปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ส่งผลให้ค่าเงิน
บาทอ่อนตัวอย่างมาก ทำให้สินค้าเกษตรเป็นสินค้าส่งออกที่สามารถขายแข่งกับต่างประเทศได้ดีมาก และ
ส่งผลต่อเนื่องให้ราคาที่เกษตรกรขายได้ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งมันสำปะหลังก็เป็นสินค้าเกษตรชนิดหนึ่งที่มีราคา
ซื้อขายพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ กล่าวคือ หัวมันสำปะหลังสดในฤดูปี 2541 (ตค.40 - กย.41) ราคามี
แนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากกิโลกรัมละ 0.71 บาท ในเดือน ตุลาคม 2540 เป็นกิโลกรัมละ
1.47 บาท ในเดือนมีนาคม 2541 หรือสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 119.4 และคาดว่า
ราคาหัวมันสำปะหลังในเดือนต่อ ๆ ไปจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากผลผลิตในฤดูนี้ใกล้จะหมดแล้ว
ขณะที่ความต้องการหัวมันสำปะหลังสด โดยเฉพาะโรงงานแป้งมันสำปะหลังยังมีอีกมาก
สาเหตุที่ทำให้ราคาหัวมันสำปะหลังสูงขึ้นอย่างมาก เนื่องจาก
(1) ผลผลิตมันสำปะหลังของไทยลดลง ในปี 2541 คาดว่าทั่วประเทศจะผลิตมันสำปะหลัง
ได้ 16.775 ล้านตัน ลดลงจาก 18.084 ล้านตัน ในปีก่อนร้อยละ 7.23 ทั้งนี้เนื่องจากเกษตรกรประ
สบปัญหาหัวมันสดมีราคาตกต่ำอย่างรุนแรงในปีที่ผ่านมา จึงได้ลดพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังลง
(2) การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเพิ่มขึ้นมาก
- อินโดนีเซีย ซึ่งเคยเป็นประเทศคู่แข่งขันของไทยในการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง
ไปจำหน่ายในตลาดโลก แต่ในปีนี้ผลผลิตของอินโดนีเซียประสบความเสียหายเป็นจำนวนมากเพระเกิด
สภาวะอากาศผิดปกติ มีความแห้งแล้งจากวิกฤติการณ์ เอล นีโน และเกิดไฟไหม้ป่าทำลายแหล่งเพาะ
ปลูกพืชผลทางการเกษตร รวมทั้งมันสำปะหลังต่อเนื่องเป็นเวลานาน ส่งผลให้มันสำปะหลังมีปริมาณไม่
เพียงพอต่อการใช้บริโภคในประเทศ ต้องนำเข้าแป้งมันสำปะหลังจากไทยเป็นจำนวนมาก จึงได้มีคำสั่ง
ซื้อเข้ามาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2540 จนถึงเดือนมกราคม 2541 ไม่ต่ำกว่า 3 แสนตัน ซึ่งได้ส่งมอบ
แล้วไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 ที่เหลือเป็นการทยอยการส่งมอบจนถึงเดือนมีนาคม 2541 แต่เมื่ออินโดนีเซีย
ประสบวิกฤติการณ์ทางการเงิน เกิดความผันผวนทางเศรษฐกิจ ทำให้ผู้ส่งออกชะลอการส่งมอบ อย่างไร
ก็ดีจากการที่อินโดนีเซียได้เปิดแอลซีผ่านธนาคารสิงคโปร์ เป็นเหตุให้ผู้ส่งออกมีความมั่นใจทางด้านการ
เงินของอินโดนีเซีย จึงได้ทยอยการส่งออกเรื่อยๆ และคาดว่าอินโดนีเซียจะสั่งซื้อจากไทยเพิ่มขึ้นอีก
- จีน ได้ประกาศลดอัตราภาษีการนำเข้าแป้งมันสำปะหลัง จากเดิมร้อยละ 35 เหลือ
เพียงร้อยละ 20 ส่งผลให้จีนนำเข้าเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังนำเข้ามันเส้นจากไทยอีกเป็นจำนวนมาก
(3) การใช้มันเส้นเพื่อใช้ในการเลี้ยงสัตว์ภายในประเทศเพิ่มขึ้น
แม้ว่าราคามันสำปะหลังจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ราคาข้าวโพด ปลายข้าว ฯลฯ มีรา
คาสูงขึ้นมากกว่า ประกอบกับมูลนิธิสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทย ได้จัดทำโครงการถ่าย
ทอดเทคโนโลยีการใช้มันสำปะหลังเป็นอาหารสัตว์ เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์และประกอบ
อาหารสัตว์ใช้มันเส้นเป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์ จะทำให้มีการใช้มันสำปะหลังให้เพิ่มขึ้น
ข้อคิดเห็น
จากการที่ราคาหัวมันสำปะหลังพุ่งสูงขึ้นมากในปีนี้จะก่อให้เกิดปัญหาตามมา คือ
เกษตรกรจะขยายพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังในฤดูหน้า โดยเฉพาะในพื้นที่นอกเขตชลประทานที่
เกษตรกรไม่สามารถปลูกพืชชนิดอื่นได้ก็จะหันมาปลูกมันสำปะหลังมากขึ้น และเกิดปัญหาผลผลิตล้นตลาด
ราคาตกต่ำในทีสุด ซึ่งรัฐก็จะต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อหามาตรการแทรกแซงตลาดต่อไป
ดังนั้น จึงควรที่จะมอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่าง
ใกล้ชิด และควรที่จะทำการประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรทราบว่า หากเกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูกจะส่ง
ผลให้ผลผลิตมีมากเกินความต้องการ ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาทางด้านราคาอย่างรุนแรงเช่นเดียวกับปี
2540
2. สถานการณ์สินค้าเกษตรที่สำคัญ
2.1 ข้าว : สถานการณ์ข้าวนาปรัง ปี 2541
(1) การผลิต
รายการ ปี 2540/41 ปี 2539/40 ผลต่างร้อยละ
พื้นที่เพาะปลูก (ล้านไร่) 5.160 6.437 -19.84
ผลผลิต (ล้านตันข้าวเปลือก) 3.588 4.550 -21.14
ผลผลิตต่อไร่ (กิโลกรัม) 695 707
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้คาดคะเนว่าในฤดูกาลผลิตข้าวนาปรัง ปี
2541 เนื้อที่เพาะปลูกทั้งประเทศจะมี 5.160 ล้านไร่ ลดลงจากปีที่แล้ว 1.277 ล้านไร่ หรือร้อยละ
19.84 เนื่องจากสภาพน้ำในเขื่อนต่าง ๆ ของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง มี
ปริมาณน้ำไม่เพียงพอ ตลอดจนน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติต่าง ๆ มีจำกัด เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะ
อากาศแห้งแล้งมาก ทำให้น้ำในแหล่งน้ำต่าง ๆ แห้งเร็วกว่าปกติ เป็นผลให้การเพาะปลูกข้าวนาปรังมี
ข้อจำกัด ทำให้การเพาะปลูกลดลง
- ภาคเหนือ คาดว่าจะมีเนื้อที่ปลูกประมาณ 1.485 ล้านไร่ ลดลงจากปีที่แล้วร้อย
ละ 28.41 เนื่องจากจังหวัดกำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ และอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็น
แหล่งปลูกที่สำคัญ เกษตรกรไม่สามารถขยายพื้นที่ปลูกได้เพิ่มขึ้น เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำใน
เขื่อนสิริกิติ์ที่มีปริมาณน้อย
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเนื้อที่ปลูกประมาณ 0.362 ล้านไร่ ลดลงจากปีที่
แล้วร้อยละ 9.94 เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำในเขื่อนสิรินธร เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนลำโดมน้อย
และเขื่อนน้ำอูน มีปริมาณค่อนข้างกำจัด
- ภาคกลาง มีเนื้อที่ปลูกประมาณ 3.138 ล้านไร่ ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ
17.04 เนื่องจากจังหวัดต่าง ๆ ที่ต้องอาศัยน้ำจากเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ซึ่งปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์
ต่ำ ต้องลดพื้นที่ปลูกลง ยกเว้นจังหวัดกาญจนบุรี เพชรบุรี ราชบุรี และสุพรรณบุรี ซึ่งอาศัยน้ำจากเขื่อน
เขาแหลม ไม่มีปัญหาขาดแคลนน้ำ
- ภาคใต้ คาดว่าจะมีเนื้อที่ปลูก 0.175 ล้านไร่ ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว แต่ขณะนี้ยัง
ไม่ถึงฤดูการเพาะปลูก
สำหรับผลผลิตทั้งประเทศ จะได้ประมาณ 3.588 ล้านตันข้าวเปลือก ลดลงจาก
4.550 ล้านตันข้าวเปลือกของปีที่แล้วร้อยละ 21.14 เนื่องจากสถานการณ์น้ำไม่เอื้ออำนวยดังกล่าว
รวมทั้งการขาดแคลนปุ๋ยซึ่งมีราคาแพง จึงคาดว่าผลผลิตต่อไร่จะไม่เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว
ผลผลิตข้าวนาปรังได้ทยอยเก็บเกี่ยวแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2541 ได้แก่ จัง
หวัดกำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา นครปฐม
สุพรรณบุรี ปทุมธานีและนนทบุรี และจะเก็บเกี่ยวมากในเดือนมีนาคม เมษายน และพฤษภาคม
(2) ราคา
ราคาที่ 2538 2538 2540 2541
เกษตรกร มค. กพ. มีค. มค. กพ. มีค.
ขายได้ มค.-ธค. มค.-ธค. ส.1 ส.2 ส.1 ส.2
ข้าวนาปรัง
ความชื้น
14-15% 4,146 4,490 - 4,650 4,815 4,815 - 7,100 6,600 6,700
16-17% 4,052 4,467 - 4,327 4,476 4,464 - 6,650 6,196 6,227
18-19% 3,925 4,284 - 4,043 4,193 4,181 - 6,584 6,019 6,094
> 19% 3,832 3,857 - - 3,700 3,700 - 6,150 5,772 5,808
หมายเหตุ : ส. = สัปดาห์
ระดับราคาข้าวเปลือกนาปรัง อยู่ในระดับค่อนข้างสูงและมีเสถียรภาพที่ดี
โดยตลอดต่อเนื่องเป็นเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในปี 2541 นี้ ซึ่งข้าวนาปรังกำลังทยอยออกสู่
ตลาด แม้ว่าราคาในเดือนมีนาคม 2541 จะลดลงบ้างเมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่โดยภาพรวมแล้ว ราคา
ข้าวเปลือกนาปรังยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงมาก เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และในเดือนมีนาคมซึ่งผล
ผลิตจะเก็บเกี่ยวมากขึ้น ราคาข้าวเปลือกนาปรังความ-ชื้น 18-19% ที่เกษตรกรขายได้ ในสัปดาห์ที่ 2
เฉลี่ยตันละ 6,094 บาท เทียบกับตันละ 4,181 บาท ของช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ราคา
สูงขึ้นตันละ 1,913 บาท และคาดว่าแนวโน้มของราคาจะอยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจากตลาดมีความต้อง
การมาก
(3) การค้า
ในปี 2541 ได้ประมาณการส่งข้าวออกเบื้องต้นไว้ 5.30 ล้านตันข้าวสาร และตั้ง
แต่วันที่ 1 มกราคม - 11 มีนาคม 2541 ประเทศไทยส่งข้าวออกเป็นจำนวน 1,438,269 ตัน สูงขึ้น
จาก 790,610 ตัน ของการส่งออกช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 81.92 ประเทศที่สั่งซื้อ
มากที่สุดได้แก่ อินโดนีเซีย เป็นจำนวน 410,000 ตัน อย่างไรก็ดี ถ้าหากข้าวนาปรัง ผลิตได้ดีกว่าปีที่
แล้ว อาจจะทำให้การส่งออกได้มากกว่าที่ประมาณการไว้
2.2 กาแฟ : ราคาสูงเป็นประวัติการณ์
(1) การผลิต
2539/40 2540/41 ลดลงร้อยละ
พื้นที่ปลูก (ไร่) 423,947 412,295 -2.75
ผลผลิต (ตัน) 83,897 78,548 -6.38
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้คาดคะเนการผลิตกาแฟ ปี 2540/41 ว่าจะมี
พื้นที่ปลูก 412,295 ไร่ ผลผลิต 78,548 ตัน ลดลงจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 2.75 และ 6.38 ตามลำ
ดับ การลดพื้นที่เพาะปลูกเป็นไปตามแผนปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตรของกระทรวง
เกษตรและสหกรณ์ ส่วนผลผลิตนอกจากจะลดลงตามพื้นที่ปลูกที่ลดลงแล้ว ในช่วงต้นปีซึ่งเป็นช่วงที่ต้นกา
แฟกำลังออกดอกได้รับผลกระทบจากสภาวะอากาศแล้ง ทำให้ดอกร่วงและติดผลน้อย นอกจากนี้ในช่วงที่
ผลกาแฟกำลังเจริญเติบโตในพื้นที่ปลูกกาแฟที่สำคัญ ได้แก่ จังหวัดชุมพร ระนอง และสุราษฎร์ธานี ได้
ประสบกับสภาวะน้ำท่วมขัง ทำให้ผลกาแฟร่วง และได้รับความเสียหาย
(2) ราคา
หน่วย : บาท/กก.
ปี พย. ธค. มค. กพ. มีค.
ส.1 ส.2
2539/40 24.00 24.54 28.88 32.07 31.60 31.69
2540/41 - 47.33 71.30 71.58 62.21 61.24
สำหรับการผลิตกาแฟในปี 2540/41 ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดในเดือนธันวาคม
2540 และเกษตรกรขายกาแฟได้ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 47.33 บาท สูงขึ้นจาก 24.54 บาท ในช่วง
เดียวกันของปีก่อนร้อยละ 92.87 และในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2541 ราคาได้ปรับตัวสูงขึ้น
อย่างรวดเร็ว ซึ่งโดยเฉลี่ยราคาจะอยู่ในช่วงกิโลกรัมละ 71-72 บาท ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมา
จากราคากาแฟในตลาดโลกที่สูงขึ้นมากเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในเดือนมีนาคม 2541 ราคาได้ปรับตัว
ลดลงบ้าง แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่สูงมาก
ในปี 2540/41 คาดว่าจะส่งออกกาแฟได้ ประมาณ 60,000 ตัน ลดลง จาก
74,270 ตันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 19.22 เนื่องจากผลผลิตที่ลดลง ประกอบกับความต้องการใช้เมล็ด
กาแฟเพื่อแปรรูปเป็นกาแฟผงสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น ซึ่งในช่วงตุลาคม 2539 - กุมภาพันธ์ 2540 ได้
ส่งออกกาแฟดิบแล้วรวม 37,901 ตัน มูลค่า 2,536.38 ล้านบาท เทียบกับ 22,551 ตัน มูลค่า
624.15 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาปรากฏว่าปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 68.07 ส่วน
มูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัว
เปรียบเทียบการส่งออกกาแฟในปี 2539/40 กับปี 2540/41
2539/40 2540/41
เดือน ปริมาณ มูลค่า ปริมาณ มูลค่า
(ตัน) (ล้านบาท) (ตัน) (ล้านบาท)
ตุลาคม 1,202 35.24 94.0 3.91
พฤศจิกายน 949 30.82 126.0 4.44
ธันวาคม 576 16.02 1,510 87.02
มกราคม 5,521 152.55 18,906 1,300.31
กุมภาพันธ์ 14,303 390.14 17,265 1,140.7
รวม 22,551 624.15 37,896 2,536.38
--รายงานสถานการณ์สินค้าเกษตรประจำวันที่ 9 - 15 มี.ค. 2541--
1. สถานการณ์สินค้า
1.1 สินค้าที่มีปัญหา
สัปดาห์นี้ไม่มีสินค้าที่มีปัญหา
1.2 สินค้าที่ต้องคอยเฝ้าระวัง
มันสำปะหลัง : ราคาหัวมันสำปะหลังในปี 2541 พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
จะทำให้เกษตรกรขยายพื้นที่ปลูกในฤดูใหม่
หน่วย : บาท/กก.
ปี มค. กพ. มีค. เมย. พค. มิย. กค. สค. กย. ตค. พย. ธค. เฉลี่ย
2539 1.04 1.00 1.00 0.92 0.86 0.83 0.74 0.70 0.69 0.76 0.73 0.75 0.83
2540 0.68 0.67 0.67 0.65 0.55 0.53 0.53 0.60 0.67 0.71 0.89 0.98 0.68
2541 1.08 1.29 1.47
หมายเหตุ : เดือนมีนาคม เฉลี่ย 2 สัปดาห์
ปี 2541 เป็นปีที่ประเทศประสบปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ส่งผลให้ค่าเงิน
บาทอ่อนตัวอย่างมาก ทำให้สินค้าเกษตรเป็นสินค้าส่งออกที่สามารถขายแข่งกับต่างประเทศได้ดีมาก และ
ส่งผลต่อเนื่องให้ราคาที่เกษตรกรขายได้ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งมันสำปะหลังก็เป็นสินค้าเกษตรชนิดหนึ่งที่มีราคา
ซื้อขายพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ กล่าวคือ หัวมันสำปะหลังสดในฤดูปี 2541 (ตค.40 - กย.41) ราคามี
แนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากกิโลกรัมละ 0.71 บาท ในเดือน ตุลาคม 2540 เป็นกิโลกรัมละ
1.47 บาท ในเดือนมีนาคม 2541 หรือสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 119.4 และคาดว่า
ราคาหัวมันสำปะหลังในเดือนต่อ ๆ ไปจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากผลผลิตในฤดูนี้ใกล้จะหมดแล้ว
ขณะที่ความต้องการหัวมันสำปะหลังสด โดยเฉพาะโรงงานแป้งมันสำปะหลังยังมีอีกมาก
สาเหตุที่ทำให้ราคาหัวมันสำปะหลังสูงขึ้นอย่างมาก เนื่องจาก
(1) ผลผลิตมันสำปะหลังของไทยลดลง ในปี 2541 คาดว่าทั่วประเทศจะผลิตมันสำปะหลัง
ได้ 16.775 ล้านตัน ลดลงจาก 18.084 ล้านตัน ในปีก่อนร้อยละ 7.23 ทั้งนี้เนื่องจากเกษตรกรประ
สบปัญหาหัวมันสดมีราคาตกต่ำอย่างรุนแรงในปีที่ผ่านมา จึงได้ลดพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังลง
(2) การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเพิ่มขึ้นมาก
- อินโดนีเซีย ซึ่งเคยเป็นประเทศคู่แข่งขันของไทยในการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง
ไปจำหน่ายในตลาดโลก แต่ในปีนี้ผลผลิตของอินโดนีเซียประสบความเสียหายเป็นจำนวนมากเพระเกิด
สภาวะอากาศผิดปกติ มีความแห้งแล้งจากวิกฤติการณ์ เอล นีโน และเกิดไฟไหม้ป่าทำลายแหล่งเพาะ
ปลูกพืชผลทางการเกษตร รวมทั้งมันสำปะหลังต่อเนื่องเป็นเวลานาน ส่งผลให้มันสำปะหลังมีปริมาณไม่
เพียงพอต่อการใช้บริโภคในประเทศ ต้องนำเข้าแป้งมันสำปะหลังจากไทยเป็นจำนวนมาก จึงได้มีคำสั่ง
ซื้อเข้ามาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2540 จนถึงเดือนมกราคม 2541 ไม่ต่ำกว่า 3 แสนตัน ซึ่งได้ส่งมอบ
แล้วไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 ที่เหลือเป็นการทยอยการส่งมอบจนถึงเดือนมีนาคม 2541 แต่เมื่ออินโดนีเซีย
ประสบวิกฤติการณ์ทางการเงิน เกิดความผันผวนทางเศรษฐกิจ ทำให้ผู้ส่งออกชะลอการส่งมอบ อย่างไร
ก็ดีจากการที่อินโดนีเซียได้เปิดแอลซีผ่านธนาคารสิงคโปร์ เป็นเหตุให้ผู้ส่งออกมีความมั่นใจทางด้านการ
เงินของอินโดนีเซีย จึงได้ทยอยการส่งออกเรื่อยๆ และคาดว่าอินโดนีเซียจะสั่งซื้อจากไทยเพิ่มขึ้นอีก
- จีน ได้ประกาศลดอัตราภาษีการนำเข้าแป้งมันสำปะหลัง จากเดิมร้อยละ 35 เหลือ
เพียงร้อยละ 20 ส่งผลให้จีนนำเข้าเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังนำเข้ามันเส้นจากไทยอีกเป็นจำนวนมาก
(3) การใช้มันเส้นเพื่อใช้ในการเลี้ยงสัตว์ภายในประเทศเพิ่มขึ้น
แม้ว่าราคามันสำปะหลังจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ราคาข้าวโพด ปลายข้าว ฯลฯ มีรา
คาสูงขึ้นมากกว่า ประกอบกับมูลนิธิสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทย ได้จัดทำโครงการถ่าย
ทอดเทคโนโลยีการใช้มันสำปะหลังเป็นอาหารสัตว์ เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์และประกอบ
อาหารสัตว์ใช้มันเส้นเป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์ จะทำให้มีการใช้มันสำปะหลังให้เพิ่มขึ้น
ข้อคิดเห็น
จากการที่ราคาหัวมันสำปะหลังพุ่งสูงขึ้นมากในปีนี้จะก่อให้เกิดปัญหาตามมา คือ
เกษตรกรจะขยายพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังในฤดูหน้า โดยเฉพาะในพื้นที่นอกเขตชลประทานที่
เกษตรกรไม่สามารถปลูกพืชชนิดอื่นได้ก็จะหันมาปลูกมันสำปะหลังมากขึ้น และเกิดปัญหาผลผลิตล้นตลาด
ราคาตกต่ำในทีสุด ซึ่งรัฐก็จะต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อหามาตรการแทรกแซงตลาดต่อไป
ดังนั้น จึงควรที่จะมอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่าง
ใกล้ชิด และควรที่จะทำการประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรทราบว่า หากเกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูกจะส่ง
ผลให้ผลผลิตมีมากเกินความต้องการ ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาทางด้านราคาอย่างรุนแรงเช่นเดียวกับปี
2540
2. สถานการณ์สินค้าเกษตรที่สำคัญ
2.1 ข้าว : สถานการณ์ข้าวนาปรัง ปี 2541
(1) การผลิต
รายการ ปี 2540/41 ปี 2539/40 ผลต่างร้อยละ
พื้นที่เพาะปลูก (ล้านไร่) 5.160 6.437 -19.84
ผลผลิต (ล้านตันข้าวเปลือก) 3.588 4.550 -21.14
ผลผลิตต่อไร่ (กิโลกรัม) 695 707
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้คาดคะเนว่าในฤดูกาลผลิตข้าวนาปรัง ปี
2541 เนื้อที่เพาะปลูกทั้งประเทศจะมี 5.160 ล้านไร่ ลดลงจากปีที่แล้ว 1.277 ล้านไร่ หรือร้อยละ
19.84 เนื่องจากสภาพน้ำในเขื่อนต่าง ๆ ของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง มี
ปริมาณน้ำไม่เพียงพอ ตลอดจนน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติต่าง ๆ มีจำกัด เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะ
อากาศแห้งแล้งมาก ทำให้น้ำในแหล่งน้ำต่าง ๆ แห้งเร็วกว่าปกติ เป็นผลให้การเพาะปลูกข้าวนาปรังมี
ข้อจำกัด ทำให้การเพาะปลูกลดลง
- ภาคเหนือ คาดว่าจะมีเนื้อที่ปลูกประมาณ 1.485 ล้านไร่ ลดลงจากปีที่แล้วร้อย
ละ 28.41 เนื่องจากจังหวัดกำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ และอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็น
แหล่งปลูกที่สำคัญ เกษตรกรไม่สามารถขยายพื้นที่ปลูกได้เพิ่มขึ้น เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำใน
เขื่อนสิริกิติ์ที่มีปริมาณน้อย
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเนื้อที่ปลูกประมาณ 0.362 ล้านไร่ ลดลงจากปีที่
แล้วร้อยละ 9.94 เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำในเขื่อนสิรินธร เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนลำโดมน้อย
และเขื่อนน้ำอูน มีปริมาณค่อนข้างกำจัด
- ภาคกลาง มีเนื้อที่ปลูกประมาณ 3.138 ล้านไร่ ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ
17.04 เนื่องจากจังหวัดต่าง ๆ ที่ต้องอาศัยน้ำจากเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ซึ่งปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์
ต่ำ ต้องลดพื้นที่ปลูกลง ยกเว้นจังหวัดกาญจนบุรี เพชรบุรี ราชบุรี และสุพรรณบุรี ซึ่งอาศัยน้ำจากเขื่อน
เขาแหลม ไม่มีปัญหาขาดแคลนน้ำ
- ภาคใต้ คาดว่าจะมีเนื้อที่ปลูก 0.175 ล้านไร่ ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว แต่ขณะนี้ยัง
ไม่ถึงฤดูการเพาะปลูก
สำหรับผลผลิตทั้งประเทศ จะได้ประมาณ 3.588 ล้านตันข้าวเปลือก ลดลงจาก
4.550 ล้านตันข้าวเปลือกของปีที่แล้วร้อยละ 21.14 เนื่องจากสถานการณ์น้ำไม่เอื้ออำนวยดังกล่าว
รวมทั้งการขาดแคลนปุ๋ยซึ่งมีราคาแพง จึงคาดว่าผลผลิตต่อไร่จะไม่เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว
ผลผลิตข้าวนาปรังได้ทยอยเก็บเกี่ยวแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2541 ได้แก่ จัง
หวัดกำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา นครปฐม
สุพรรณบุรี ปทุมธานีและนนทบุรี และจะเก็บเกี่ยวมากในเดือนมีนาคม เมษายน และพฤษภาคม
(2) ราคา
ราคาที่ 2538 2538 2540 2541
เกษตรกร มค. กพ. มีค. มค. กพ. มีค.
ขายได้ มค.-ธค. มค.-ธค. ส.1 ส.2 ส.1 ส.2
ข้าวนาปรัง
ความชื้น
14-15% 4,146 4,490 - 4,650 4,815 4,815 - 7,100 6,600 6,700
16-17% 4,052 4,467 - 4,327 4,476 4,464 - 6,650 6,196 6,227
18-19% 3,925 4,284 - 4,043 4,193 4,181 - 6,584 6,019 6,094
> 19% 3,832 3,857 - - 3,700 3,700 - 6,150 5,772 5,808
หมายเหตุ : ส. = สัปดาห์
ระดับราคาข้าวเปลือกนาปรัง อยู่ในระดับค่อนข้างสูงและมีเสถียรภาพที่ดี
โดยตลอดต่อเนื่องเป็นเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในปี 2541 นี้ ซึ่งข้าวนาปรังกำลังทยอยออกสู่
ตลาด แม้ว่าราคาในเดือนมีนาคม 2541 จะลดลงบ้างเมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่โดยภาพรวมแล้ว ราคา
ข้าวเปลือกนาปรังยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงมาก เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และในเดือนมีนาคมซึ่งผล
ผลิตจะเก็บเกี่ยวมากขึ้น ราคาข้าวเปลือกนาปรังความ-ชื้น 18-19% ที่เกษตรกรขายได้ ในสัปดาห์ที่ 2
เฉลี่ยตันละ 6,094 บาท เทียบกับตันละ 4,181 บาท ของช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ราคา
สูงขึ้นตันละ 1,913 บาท และคาดว่าแนวโน้มของราคาจะอยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจากตลาดมีความต้อง
การมาก
(3) การค้า
ในปี 2541 ได้ประมาณการส่งข้าวออกเบื้องต้นไว้ 5.30 ล้านตันข้าวสาร และตั้ง
แต่วันที่ 1 มกราคม - 11 มีนาคม 2541 ประเทศไทยส่งข้าวออกเป็นจำนวน 1,438,269 ตัน สูงขึ้น
จาก 790,610 ตัน ของการส่งออกช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 81.92 ประเทศที่สั่งซื้อ
มากที่สุดได้แก่ อินโดนีเซีย เป็นจำนวน 410,000 ตัน อย่างไรก็ดี ถ้าหากข้าวนาปรัง ผลิตได้ดีกว่าปีที่
แล้ว อาจจะทำให้การส่งออกได้มากกว่าที่ประมาณการไว้
2.2 กาแฟ : ราคาสูงเป็นประวัติการณ์
(1) การผลิต
2539/40 2540/41 ลดลงร้อยละ
พื้นที่ปลูก (ไร่) 423,947 412,295 -2.75
ผลผลิต (ตัน) 83,897 78,548 -6.38
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้คาดคะเนการผลิตกาแฟ ปี 2540/41 ว่าจะมี
พื้นที่ปลูก 412,295 ไร่ ผลผลิต 78,548 ตัน ลดลงจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 2.75 และ 6.38 ตามลำ
ดับ การลดพื้นที่เพาะปลูกเป็นไปตามแผนปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตรของกระทรวง
เกษตรและสหกรณ์ ส่วนผลผลิตนอกจากจะลดลงตามพื้นที่ปลูกที่ลดลงแล้ว ในช่วงต้นปีซึ่งเป็นช่วงที่ต้นกา
แฟกำลังออกดอกได้รับผลกระทบจากสภาวะอากาศแล้ง ทำให้ดอกร่วงและติดผลน้อย นอกจากนี้ในช่วงที่
ผลกาแฟกำลังเจริญเติบโตในพื้นที่ปลูกกาแฟที่สำคัญ ได้แก่ จังหวัดชุมพร ระนอง และสุราษฎร์ธานี ได้
ประสบกับสภาวะน้ำท่วมขัง ทำให้ผลกาแฟร่วง และได้รับความเสียหาย
(2) ราคา
หน่วย : บาท/กก.
ปี พย. ธค. มค. กพ. มีค.
ส.1 ส.2
2539/40 24.00 24.54 28.88 32.07 31.60 31.69
2540/41 - 47.33 71.30 71.58 62.21 61.24
สำหรับการผลิตกาแฟในปี 2540/41 ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดในเดือนธันวาคม
2540 และเกษตรกรขายกาแฟได้ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 47.33 บาท สูงขึ้นจาก 24.54 บาท ในช่วง
เดียวกันของปีก่อนร้อยละ 92.87 และในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2541 ราคาได้ปรับตัวสูงขึ้น
อย่างรวดเร็ว ซึ่งโดยเฉลี่ยราคาจะอยู่ในช่วงกิโลกรัมละ 71-72 บาท ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมา
จากราคากาแฟในตลาดโลกที่สูงขึ้นมากเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในเดือนมีนาคม 2541 ราคาได้ปรับตัว
ลดลงบ้าง แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่สูงมาก
ในปี 2540/41 คาดว่าจะส่งออกกาแฟได้ ประมาณ 60,000 ตัน ลดลง จาก
74,270 ตันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 19.22 เนื่องจากผลผลิตที่ลดลง ประกอบกับความต้องการใช้เมล็ด
กาแฟเพื่อแปรรูปเป็นกาแฟผงสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น ซึ่งในช่วงตุลาคม 2539 - กุมภาพันธ์ 2540 ได้
ส่งออกกาแฟดิบแล้วรวม 37,901 ตัน มูลค่า 2,536.38 ล้านบาท เทียบกับ 22,551 ตัน มูลค่า
624.15 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาปรากฏว่าปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 68.07 ส่วน
มูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัว
เปรียบเทียบการส่งออกกาแฟในปี 2539/40 กับปี 2540/41
2539/40 2540/41
เดือน ปริมาณ มูลค่า ปริมาณ มูลค่า
(ตัน) (ล้านบาท) (ตัน) (ล้านบาท)
ตุลาคม 1,202 35.24 94.0 3.91
พฤศจิกายน 949 30.82 126.0 4.44
ธันวาคม 576 16.02 1,510 87.02
มกราคม 5,521 152.55 18,906 1,300.31
กุมภาพันธ์ 14,303 390.14 17,265 1,140.7
รวม 22,551 624.15 37,896 2,536.38
--รายงานสถานการณ์สินค้าเกษตรประจำวันที่ 9 - 15 มี.ค. 2541--