แท็ก
กระทรวงการต่างประเทศ
กรุงเทพฯ--8 มิ.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
วันนี้ (6 มิถุนายน 2543) นายอุ้ม เมาลานนท์ รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เกี่ยวกับความคืบหน้าในการดำเนินการนำตัว ด.ช. ภาณุพงษ์ ไขศรี กลับประเทศไทยว่า เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2543 กระทรวงการต่างประเทศ โดยอธิบดีกรมการกงสุล ได้เชิญกรมที่เกี่ยวข้องของกระทรวง ซึ่งได้แก่ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กรมสารนิเทศ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมประชาสงเคราะห์ โดยมีนายปิยวัชร นิยมฤกษ์ กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส เข้าร่วมประชุมด้วย การหารือครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลล่าสุดระหว่างกัน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมการก่อนที่ศาลจะนัดหมายคู่กรณีมาเป็นครั้งที่ 2 ในวันที่ 7 มิถุนายน ศกนี้
ผลการประชุมดังกล่าวสรุปดังนี้
1. ฝ่ายไทยซึ่งได้แก่กระทรวงการต่างประเทศและกรมประชาสงเคราะห์ จะพยายามเจรจาและโน้มน้าวให้ ด.ช. ภาณุพงษ์ฯ เดินทางกลับประเทศไทย
2. ฝ่ายไทยเห็นว่าข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้หารือกันในที่ประชุมน่าจะเพียงพอที่อัยการและทนาย จะนำไปแสดงต่อศาลเพื่อให้ศาลเห็นว่าการนำ ด.ช. ภาณุพงษ์ฯ กลับมาไปประเทศไทยจะได้ประโยชน์มากกว่าอยู่กับบุคคลอื่นในสหรัฐฯ
3. สถานกงสุลใหญ่ฯ เสนอให้ว่าจ้างที่ปรึกษาทางกฏหมาย เพื่อให้คำปรึกษาด้านกฏหมาย เพราะรัฐบาลไทยมิได้เป็นคู่ความในคดี ที่ปรึกษากฎหมายจะยืนยันต่อศาลว่า หาก ด.ช. ภาณุพงษ์ฯ เดินทางกลับประเทศไทยแล้ว หน่วยงานของไทยโดยเฉพาะกรมประชาสงเคราะห์มีความพร้อมที่จะช่วยเหลือดูแลเด็กได้อย่างดี
ฝ่ายไทยได้ว่าจ้างที่ปรึกษากฎหมายเพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของประเทศไทย โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการดูแลสวัสดิภาพของเด็ก ระบบการอุปถัมภ์เด็ก ระบบของการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม และศักยภาพในด้านการักษาพยาบาลและสาธารณสุข
ที่ประชุมคาดว่า ผลการพิจารณาของศาลในวันที่ 7 มิถุนายน 2543 นี้ มีความเป็นไปได้ที่ศาลจะสั่งเลื่อนการพิจารณาคดีออกไป เพื่อให้มีเวลาเพียงพอที่จะพิจารณาเอกสารของทุกฝ่ายอย่างครบถ้วน หรือยกเลิกคำร้องของทนายของศูนย์ส่งเสริมชาวไทย ซึ่งจะมีผลให้เรื่องยุติ และด.ช. ภาณุพงษ์ฯ เดินทางกลับประเทศไทยได้--จบ--
-อน-
วันนี้ (6 มิถุนายน 2543) นายอุ้ม เมาลานนท์ รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เกี่ยวกับความคืบหน้าในการดำเนินการนำตัว ด.ช. ภาณุพงษ์ ไขศรี กลับประเทศไทยว่า เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2543 กระทรวงการต่างประเทศ โดยอธิบดีกรมการกงสุล ได้เชิญกรมที่เกี่ยวข้องของกระทรวง ซึ่งได้แก่ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กรมสารนิเทศ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมประชาสงเคราะห์ โดยมีนายปิยวัชร นิยมฤกษ์ กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส เข้าร่วมประชุมด้วย การหารือครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลล่าสุดระหว่างกัน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมการก่อนที่ศาลจะนัดหมายคู่กรณีมาเป็นครั้งที่ 2 ในวันที่ 7 มิถุนายน ศกนี้
ผลการประชุมดังกล่าวสรุปดังนี้
1. ฝ่ายไทยซึ่งได้แก่กระทรวงการต่างประเทศและกรมประชาสงเคราะห์ จะพยายามเจรจาและโน้มน้าวให้ ด.ช. ภาณุพงษ์ฯ เดินทางกลับประเทศไทย
2. ฝ่ายไทยเห็นว่าข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้หารือกันในที่ประชุมน่าจะเพียงพอที่อัยการและทนาย จะนำไปแสดงต่อศาลเพื่อให้ศาลเห็นว่าการนำ ด.ช. ภาณุพงษ์ฯ กลับมาไปประเทศไทยจะได้ประโยชน์มากกว่าอยู่กับบุคคลอื่นในสหรัฐฯ
3. สถานกงสุลใหญ่ฯ เสนอให้ว่าจ้างที่ปรึกษาทางกฏหมาย เพื่อให้คำปรึกษาด้านกฏหมาย เพราะรัฐบาลไทยมิได้เป็นคู่ความในคดี ที่ปรึกษากฎหมายจะยืนยันต่อศาลว่า หาก ด.ช. ภาณุพงษ์ฯ เดินทางกลับประเทศไทยแล้ว หน่วยงานของไทยโดยเฉพาะกรมประชาสงเคราะห์มีความพร้อมที่จะช่วยเหลือดูแลเด็กได้อย่างดี
ฝ่ายไทยได้ว่าจ้างที่ปรึกษากฎหมายเพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของประเทศไทย โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการดูแลสวัสดิภาพของเด็ก ระบบการอุปถัมภ์เด็ก ระบบของการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม และศักยภาพในด้านการักษาพยาบาลและสาธารณสุข
ที่ประชุมคาดว่า ผลการพิจารณาของศาลในวันที่ 7 มิถุนายน 2543 นี้ มีความเป็นไปได้ที่ศาลจะสั่งเลื่อนการพิจารณาคดีออกไป เพื่อให้มีเวลาเพียงพอที่จะพิจารณาเอกสารของทุกฝ่ายอย่างครบถ้วน หรือยกเลิกคำร้องของทนายของศูนย์ส่งเสริมชาวไทย ซึ่งจะมีผลให้เรื่องยุติ และด.ช. ภาณุพงษ์ฯ เดินทางกลับประเทศไทยได้--จบ--
-อน-