กรุงเทพฯ--14 มี.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2544 ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนที่ท่าอากาศยานกรุงเทพฯ ในโอกาสเดินทางกลับจากการเยือน มาเลเซียอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 8-9 มีนาคม 2544 เกี่ยวกับผลการหารือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย ตลอดจนนาย Ismail Razali ผู้แทนพิเศษเลขาธิการ สหประชาชาติ ดังนี้
1. การหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการประเทศมาเลเซีย
1.1 ความสัมพันธ์โดยรวม
ดร. สุรเกียรติ์ฯ ได้กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างไทยกับมาเลเซียเป็นความร่วมมือที่ ดีมาก แม้ว่าจะมีปัญหาบ้าง แต่ก็มีกลไกที่แก้ปัญหาได้เป็นอย่างดี ก็น่าจะเป็นตัวอย่างความร่วมมือทวิภาคีที่ดีสำหรับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศสมาชิกอาเซียน
1.2 ปัญหาวางท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียได้สอบถามเกี่ยวกับแนวทางของ ฝ่ายไทยในการแก้ไขปัญหาการวางท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย ซึ่ง ดร. สุรเกียรติ์ฯ ได้แจ้งว่า ฝ่ายไทยต้องการเปิดโอกาสให้มีการทำประชาพิจารณ์ตั้งแต่ขั้นตอนการศึกษา เพราะว่าที่ผ่านมาประชาชนที่มีส่วน เกี่ยวข้องยังไม่มีโอกาสได้ร่วมกระบวนการทำประชาพิจารณ์ตั้งแต่ขั้นตอนการศึกษา เนื่องจากกฏหมายการทำประชาพิจารณ์เพิ่งประกาศใช้ ซึ่งเชื่อว่าหากทุกฝ่ายได้เข้าร่วมทำประชาพิจารณ์ตั้งแต่ขั้นตอนศึกษาก็จะสามารถหาทางแก้ไขปัญหานี้ได้
1.3 การเปิดจุดผ่านแดน
ฝ่ายไทยเสนอให้มีการเปิดจุดผ่านแดนไทย-มาเลเซียเพิ่มขึ้น ส่วนจุดผ่านแดนที่เปิด อยู่แล้วก็น่าที่จะขยายเวลาในการเปิดจุดผ่านแดนออกไปอีก อาทิ จุดผ่านแดนที่อำเภอสะเดา ซึ่งขณะนี้เปิดตั้งแต่ 05.00 น. — 21.00 น. ก็น่าที่จะเปิด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ ฝ่ายมาเลเซียก็แสดงความเห็นด้วย และจะให้เจ้าหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายหารือกันในรายละเอียดต่อไป
1.4 ความร่วมมือทางด้านประมง
ฝ่ายไทยแจ้งเกี่ยวกับปัญหาการเช่าเรือประมงไทยไปทำประมงในน่านน้ำมาเลเซียซึ่ง ได้ตกลงกันแล้วว่าจะเช่าเรือประมงไทยจำนวน 21 ลำ แต่ในความเป็นจริงฝ่ายมาเลเซียเช่าไปเพียงไม่กี่ลำ ทั้งนี้ ฝ่ายไทยมีคณะทำงานร่วมระหว่างภาครัฐบาลและภาคเอกชน และประสงค์จะให้ฝ่ายมาเลเซียจัดตั้งคณะทำงานร่วมในลักษณะเดียวกันเพื่อหารือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคทั้งในด้านกฏหมายและในด้านการปฏิบัติเกี่ยวกับการทำประมงร่วมกัน
1.5 การห้ามนำเข้าเนื้อวัวจากประเทศไทย
ฝ่ายไทยได้ยกเรื่องการที่ทางการมาเลเซียสั่งห้ามนำเข้าเนื้อวัวจากประเทศไทย เนื่องจากมีข้อสงสัยว่าจะมีเชื้อโรควัวบ้า โดยฝ่ายไทยได้แจ้งว่ากระทรวงสาธารณสุขของไทยได้มีหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการต่อฝ่ายมาเลเซียแล้วว่าไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อวัวบ้าในประเทศไทย ทั้งนี้ เนื่องจากประเทศไทยมีมาตรการทางด้านสาธารณสุขเกี่ยวกับการป้องกันเชื้อวัวบ้าเป็นอย่างดี โดยสั่งห้ามนำเข้าเนื้อวัวจากยุโรปกว่าสิบประเทศ และแม้ว่าประเทศไทยจะไม่ได้ส่งเนื้อวัวไปขายในมาเลเซียเป็นจำนวนมาก แต่การประกาศห้ามนำเข้าเนื้อวัวจากไทยของมาเลเซียส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของประเทศไทย ทั้งนี้ ฝ่ายมาเลเซียแจ้งว่า ได้มีการหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว และจะนำเข้าหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ซึ่งเมื่อได้รับข้อมูลที่ชัดเจนเช่นนี้จากฝ่ายไทย ก็ค่อนข้างจะเชื่อว่ามาเลเซียจะยกเลิกการนำเข้าเนื้อวัวจากไทยได้ในเร็วๆ นี้
1.6 การทำลายพระพุทธรูปโดยกองกำลังทาลิบันในอัฟกานิสถาน
ฝ่ายไทยได้แจ้งความกังวลเกี่ยวกับการทำลายพระพุทธรูปโดยกองกำลังทาลิบันใน อัฟกานิสถาน และขอให้มาเลเซียซึ่งเป็นประเทศมุสลิมและเป็นประธานในหลายคณะกรรมการช่วยหารือไปยังประเทศมุสลิมให้ร่วมมือกันหยุดยั้งการทำลายพระพุทธรูปในอัฟกานิสถาน เพราะนอกจากจะเป็นการทำร้ายจิตใจชาวพุทธแล้ว ยังเป็นการทำลายมรดกของมนุษยชาติด้วย ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศไทยได้สั่งการให้เอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีสมีหนังสือถึง UNESCO ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว รวมทั้งได้มีหนังสือจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยถึงผู้อำนวยการ UNESCO ขอร้องให้เพิ่ม ความช่วยเหลือในการยับยั้งการทำลายพระพุทธรูปในอัฟกานิสถานดังกล่าว ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียแจ้งว่ามาเลเซียเองก็ไม่เห็นด้วยกับการทำลายพระพุทธรูปดังกล่าวและเห็นใจประเทศไทยอย่างมาก และรับที่จะช่วยดำเนินการสนับสนุนประเทศไทยในเรื่องนี้อย่างเต็มที่
2. การหารือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย
2.1 การขยายความร่วมมือในภูมิภาค
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยแจ้งว่า ฯพณฯ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ฝากความปรารถนาดีถึงนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ทั้งนี้ นายมหาเธ่ร์กล่าวแสดงความหวังว่าจะได้มีโอกาสพบกับ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีในเร็วๆ นี้ นอกจากนั้น ฝ่ายไทยได้แจ้งว่า ประเทศไทยมีนโยบายที่จะให้มีเวทีการหารือระหว่างประเทศในเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะเอเชียใต้ เอเชีย-ตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อหารือและมีจุดยืนร่วมกันในเรื่องต่างๆ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาต่างๆ ร่วมกัน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเห็นด้วยอย่างยิ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยกล่าวว่า มีกลไก อาเซียน+3 ที่เชื่อมระหว่างอาเซียนกับประเทศในเอเชียตะวันออกอยู่แล้ว แต่ยังขาดเวทีเพื่อเชื่อมระหว่างอาเซียนกับเอเชียใต้ 2.2 ความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ
ฝ่ายไทยเสนอให้มีการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เนื่องจากทั้งสองประเทศต่างได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งควรที่จะมีการหารือกันในระดับต่างๆ ทั้งในระดับ รัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดเห็นเกี่ยวกับกรอบความร่วมมือที่เรียกว่าสถาปัตยกรรมทางการเงินใหม่ของโลก ซึ่งไม่ควรปล่อยให้เป็นไปตามที่ประเทศพัฒนากำหนดแต่ฝ่ายเดียว ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเห็นด้วยว่าเป็นแนวทางที่ดีที่ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจควรที่จะหารือร่วมกัน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียยังได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ดังนี้
1) เห็นด้วยกับนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทยที่จะจัดสรรทรัพยากรและเงิน ไปช่วยให้ภาคเศรษฐกิจฐานรากเติบโตขึ้นมาได้
2) มาเลเซียได้จัดตั้ง AMC เช่นเดียวกันและประสบความสำเร็จพอสมควร และ ยินดีให้ความร่วมมือ หากฝ่ายไทยประสงค์จะส่งคณะไปหารือกับคณะที่จัดตั้ง AMC ของมาเลเซีย
3) ในเขตการพัฒนาภาคเหนือของมาเลเซียซึ่งติดกับภาคใต้ของประเทศไทย ต่อไปจะต้องการแรงงานเพิ่มขึ้น และยินดีที่จะรับแรงงานมีฝีมือจากประเทศไทย
3. การหารือกับนาย Razali ผู้แทนพิเศษเลขาธิการสหประชาชาติ
ทั้งสองฝ่ายได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันหลายเรื่อง ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้แจ้งว่า ไทยสนับสนุนแนวทางการปรองดองกันในพม่า และสนับสนุนบทบาทของมาเลเซียและนาย Razali ในฐานะผู้แทนเลขาธิการสหประชาชาติที่จะเข้าไปดำเนินการให้เกิดความปรองดองและความเข้าใจในพม่า และหากประเทศไทยจะสามารถมีส่วนช่วยในกระบวนการนี้ได้ก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : [email protected] จบ--
-อน-
เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2544 ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนที่ท่าอากาศยานกรุงเทพฯ ในโอกาสเดินทางกลับจากการเยือน มาเลเซียอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 8-9 มีนาคม 2544 เกี่ยวกับผลการหารือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย ตลอดจนนาย Ismail Razali ผู้แทนพิเศษเลขาธิการ สหประชาชาติ ดังนี้
1. การหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการประเทศมาเลเซีย
1.1 ความสัมพันธ์โดยรวม
ดร. สุรเกียรติ์ฯ ได้กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างไทยกับมาเลเซียเป็นความร่วมมือที่ ดีมาก แม้ว่าจะมีปัญหาบ้าง แต่ก็มีกลไกที่แก้ปัญหาได้เป็นอย่างดี ก็น่าจะเป็นตัวอย่างความร่วมมือทวิภาคีที่ดีสำหรับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศสมาชิกอาเซียน
1.2 ปัญหาวางท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียได้สอบถามเกี่ยวกับแนวทางของ ฝ่ายไทยในการแก้ไขปัญหาการวางท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย ซึ่ง ดร. สุรเกียรติ์ฯ ได้แจ้งว่า ฝ่ายไทยต้องการเปิดโอกาสให้มีการทำประชาพิจารณ์ตั้งแต่ขั้นตอนการศึกษา เพราะว่าที่ผ่านมาประชาชนที่มีส่วน เกี่ยวข้องยังไม่มีโอกาสได้ร่วมกระบวนการทำประชาพิจารณ์ตั้งแต่ขั้นตอนการศึกษา เนื่องจากกฏหมายการทำประชาพิจารณ์เพิ่งประกาศใช้ ซึ่งเชื่อว่าหากทุกฝ่ายได้เข้าร่วมทำประชาพิจารณ์ตั้งแต่ขั้นตอนศึกษาก็จะสามารถหาทางแก้ไขปัญหานี้ได้
1.3 การเปิดจุดผ่านแดน
ฝ่ายไทยเสนอให้มีการเปิดจุดผ่านแดนไทย-มาเลเซียเพิ่มขึ้น ส่วนจุดผ่านแดนที่เปิด อยู่แล้วก็น่าที่จะขยายเวลาในการเปิดจุดผ่านแดนออกไปอีก อาทิ จุดผ่านแดนที่อำเภอสะเดา ซึ่งขณะนี้เปิดตั้งแต่ 05.00 น. — 21.00 น. ก็น่าที่จะเปิด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ ฝ่ายมาเลเซียก็แสดงความเห็นด้วย และจะให้เจ้าหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายหารือกันในรายละเอียดต่อไป
1.4 ความร่วมมือทางด้านประมง
ฝ่ายไทยแจ้งเกี่ยวกับปัญหาการเช่าเรือประมงไทยไปทำประมงในน่านน้ำมาเลเซียซึ่ง ได้ตกลงกันแล้วว่าจะเช่าเรือประมงไทยจำนวน 21 ลำ แต่ในความเป็นจริงฝ่ายมาเลเซียเช่าไปเพียงไม่กี่ลำ ทั้งนี้ ฝ่ายไทยมีคณะทำงานร่วมระหว่างภาครัฐบาลและภาคเอกชน และประสงค์จะให้ฝ่ายมาเลเซียจัดตั้งคณะทำงานร่วมในลักษณะเดียวกันเพื่อหารือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคทั้งในด้านกฏหมายและในด้านการปฏิบัติเกี่ยวกับการทำประมงร่วมกัน
1.5 การห้ามนำเข้าเนื้อวัวจากประเทศไทย
ฝ่ายไทยได้ยกเรื่องการที่ทางการมาเลเซียสั่งห้ามนำเข้าเนื้อวัวจากประเทศไทย เนื่องจากมีข้อสงสัยว่าจะมีเชื้อโรควัวบ้า โดยฝ่ายไทยได้แจ้งว่ากระทรวงสาธารณสุขของไทยได้มีหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการต่อฝ่ายมาเลเซียแล้วว่าไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อวัวบ้าในประเทศไทย ทั้งนี้ เนื่องจากประเทศไทยมีมาตรการทางด้านสาธารณสุขเกี่ยวกับการป้องกันเชื้อวัวบ้าเป็นอย่างดี โดยสั่งห้ามนำเข้าเนื้อวัวจากยุโรปกว่าสิบประเทศ และแม้ว่าประเทศไทยจะไม่ได้ส่งเนื้อวัวไปขายในมาเลเซียเป็นจำนวนมาก แต่การประกาศห้ามนำเข้าเนื้อวัวจากไทยของมาเลเซียส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของประเทศไทย ทั้งนี้ ฝ่ายมาเลเซียแจ้งว่า ได้มีการหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว และจะนำเข้าหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ซึ่งเมื่อได้รับข้อมูลที่ชัดเจนเช่นนี้จากฝ่ายไทย ก็ค่อนข้างจะเชื่อว่ามาเลเซียจะยกเลิกการนำเข้าเนื้อวัวจากไทยได้ในเร็วๆ นี้
1.6 การทำลายพระพุทธรูปโดยกองกำลังทาลิบันในอัฟกานิสถาน
ฝ่ายไทยได้แจ้งความกังวลเกี่ยวกับการทำลายพระพุทธรูปโดยกองกำลังทาลิบันใน อัฟกานิสถาน และขอให้มาเลเซียซึ่งเป็นประเทศมุสลิมและเป็นประธานในหลายคณะกรรมการช่วยหารือไปยังประเทศมุสลิมให้ร่วมมือกันหยุดยั้งการทำลายพระพุทธรูปในอัฟกานิสถาน เพราะนอกจากจะเป็นการทำร้ายจิตใจชาวพุทธแล้ว ยังเป็นการทำลายมรดกของมนุษยชาติด้วย ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศไทยได้สั่งการให้เอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีสมีหนังสือถึง UNESCO ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว รวมทั้งได้มีหนังสือจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยถึงผู้อำนวยการ UNESCO ขอร้องให้เพิ่ม ความช่วยเหลือในการยับยั้งการทำลายพระพุทธรูปในอัฟกานิสถานดังกล่าว ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียแจ้งว่ามาเลเซียเองก็ไม่เห็นด้วยกับการทำลายพระพุทธรูปดังกล่าวและเห็นใจประเทศไทยอย่างมาก และรับที่จะช่วยดำเนินการสนับสนุนประเทศไทยในเรื่องนี้อย่างเต็มที่
2. การหารือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย
2.1 การขยายความร่วมมือในภูมิภาค
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยแจ้งว่า ฯพณฯ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ฝากความปรารถนาดีถึงนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ทั้งนี้ นายมหาเธ่ร์กล่าวแสดงความหวังว่าจะได้มีโอกาสพบกับ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีในเร็วๆ นี้ นอกจากนั้น ฝ่ายไทยได้แจ้งว่า ประเทศไทยมีนโยบายที่จะให้มีเวทีการหารือระหว่างประเทศในเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะเอเชียใต้ เอเชีย-ตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อหารือและมีจุดยืนร่วมกันในเรื่องต่างๆ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาต่างๆ ร่วมกัน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเห็นด้วยอย่างยิ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยกล่าวว่า มีกลไก อาเซียน+3 ที่เชื่อมระหว่างอาเซียนกับประเทศในเอเชียตะวันออกอยู่แล้ว แต่ยังขาดเวทีเพื่อเชื่อมระหว่างอาเซียนกับเอเชียใต้ 2.2 ความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ
ฝ่ายไทยเสนอให้มีการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เนื่องจากทั้งสองประเทศต่างได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งควรที่จะมีการหารือกันในระดับต่างๆ ทั้งในระดับ รัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดเห็นเกี่ยวกับกรอบความร่วมมือที่เรียกว่าสถาปัตยกรรมทางการเงินใหม่ของโลก ซึ่งไม่ควรปล่อยให้เป็นไปตามที่ประเทศพัฒนากำหนดแต่ฝ่ายเดียว ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเห็นด้วยว่าเป็นแนวทางที่ดีที่ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจควรที่จะหารือร่วมกัน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียยังได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ดังนี้
1) เห็นด้วยกับนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทยที่จะจัดสรรทรัพยากรและเงิน ไปช่วยให้ภาคเศรษฐกิจฐานรากเติบโตขึ้นมาได้
2) มาเลเซียได้จัดตั้ง AMC เช่นเดียวกันและประสบความสำเร็จพอสมควร และ ยินดีให้ความร่วมมือ หากฝ่ายไทยประสงค์จะส่งคณะไปหารือกับคณะที่จัดตั้ง AMC ของมาเลเซีย
3) ในเขตการพัฒนาภาคเหนือของมาเลเซียซึ่งติดกับภาคใต้ของประเทศไทย ต่อไปจะต้องการแรงงานเพิ่มขึ้น และยินดีที่จะรับแรงงานมีฝีมือจากประเทศไทย
3. การหารือกับนาย Razali ผู้แทนพิเศษเลขาธิการสหประชาชาติ
ทั้งสองฝ่ายได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันหลายเรื่อง ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้แจ้งว่า ไทยสนับสนุนแนวทางการปรองดองกันในพม่า และสนับสนุนบทบาทของมาเลเซียและนาย Razali ในฐานะผู้แทนเลขาธิการสหประชาชาติที่จะเข้าไปดำเนินการให้เกิดความปรองดองและความเข้าใจในพม่า และหากประเทศไทยจะสามารถมีส่วนช่วยในกระบวนการนี้ได้ก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : [email protected] จบ--
-อน-