ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. หนี้คงค้างบัตรเครดิตเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้น 21.13% เทียบต่อปี รายงานข่าวจากธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ปริมาณบัตรเครดิตในเดือน ม.ค.49 มีจำนวนรวม 9,977,384 บัตร เพิ่มขึ้น
จากช่วงเดียวกันปีก่อน 14.44% แบ่งเป็นบัตรเครดิตที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์จำนวน 3,885,512 บัตร คิดเป็น
การขยายตัวสูงสุดถึง 21.77% บัตรเครดิตที่ออกโดยนอนแบงก์จำนวน 5,025,245 บัตร เพิ่มขึ้น 10.28% และ
บัตรเครดิตที่ออกโดยสาขาต่างประเทศ 1,066,627 บัตร เพิ่มขึ้น 9.91% สำหรับการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเดือน
ม.ค.49 มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 63,854.65 ล.บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 25.23% ส่วนปริมาณการใช้จ่ายผ่าน
บัตรแบ่งเป็นการใช้จ่ายในประเทศจำนวน 45,927.15 ล.บาท เพิ่มขึ้น 27.63% ขณะที่การใช้จ่ายผ่านบัตรในต่าง
ประเทศมีจำนวนรวม 1,970.17 ล.บาท ขยายตัว 15.66% ในส่วนของยอดคงค้างสินเชื่อบัตรเครดิตมีจำนวนรวม
ทั้งสิ้น 143,382.77 ล.บาท เพิ่มขึ้น 21.13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยนอนแบงก์เพิ่มขึ้นสูงสุด
30.67% (ผู้จัดการรายวัน 11-12, ไทยโพสต์)
2. คปน.ยุติบทบาทตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.49 นายโอบเอื้อ ครุฑานุช ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่ง
ประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.49 นี้ ธปท.จะยุติบทบาทของคณะกรรมการเพื่อ
ส่งเสริมการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ (คปน.) ลง ทั้งนี้ ตั้งแต่มีการจัดตั้ง คปน.เพื่อจัดทำภารกิจในการปรับปรุง
โครงสร้างหนี้เป็นเวลากว่า 7 ปี สามารถเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำเร็จแล้วกว่า 11,704 ราย รวมมูลหนี้
ทั้งหมดประมาณ 1,501,583 ล.บาท หรือประมาณ 80% ของจำนวนลูกหนี้ที่มีข้อยุติในการเจรจา สำหรับเป้าหมาย
ในปี 49 ก่อนที่จะยุติบทบาทลงนั้น คปน.จะต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาเอ็นพีแอลทุกกลุ่มให้แล้วเสร็จภายในเดือน
มิ.ย.นี้ โดยจะดำเนินการเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ระหว่างดำเนินคดีและบังคับคดีจนถึงวันที่ 30 เม.ย.เท่านั้น
เพื่อให้การเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้มีข้อยุติทันภายในวันที่ 1 ต.ค. อนึ่ง ในปี 49 มีการเจรจาปรับปรุง
โครงสร้างหนี้โดยมีข้อยุติเพิ่มขึ้น 12,000 ล.บาท หรือกว่า 700 ราย ในขณะที่เอ็นพีแอลลดลงอย่างต่อเนื่องจาก
ปีก่อนร้อยละ 8.16 โดยเหลือลูกหนี้ที่ คปน.ต้องประสานงานเจรจาในปี 49 อีกเกือบ 100 ราย มูลหนี้กว่า
500 ล.บาท (ผู้จัดการรายวัน 11-12)
3. ผลสำรวจพบนักลงทุนต่างชาติโครงการลงทุนเพื่อผลิตและจำหน่ายในประเทศมีความกังวลต่อ
สถานการณ์การเมือง ขณะที่โครงการลงทุนเพื่อการส่งออกยังคงมีความเชื่อมั่น เลขาธิการสำนักงานคระกรรมการ
ส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า บีโอไอได้สำรวจความคิดเห็นของนักลงทุนต่างชาติต่อปัญหาทางการเมือง
ของไทยพบว่า นักลงทุนรายใหม่และโครงการลงทุนผลิตและจำหน่ายในประเทศเป็นหลัก ได้ชะลอการลงทุนไว้ก่อน
จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น เพราะมีความกังวลและไม่มั่นใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนนักลงทุนที่มีการลงทุนเพื่อ
ส่งออกเป็นหลัก ยังมั่นใจที่จะขยายการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะยังเชื่อมั่นในนโยบายส่งเสริมการลงทุน
ทั้งนี้ บีโอไอจะยังไม่ปรับเป้าหมายยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนในปี 49 ที่กำหนดไว้ 8 แสน ล.บาท (กรุงเทพ
ธุรกิจ)
4. ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากบรรยากาศทางการเมืองอย่าง
เห็นได้ชัด รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระบุว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา
ตั้งแต่สถานการณ์การเมืองเริ่มคุกรุ่นจนกระทั่งร้อนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดไทย
อย่างเห็นได้ชัด โดยจากสถิติตัวเลขดัชนีราคาหุ้นจากระดับ 760.36 จุด ในต้นเดือน ก.พ. ลดลงมาอยู่ที่
728.99 จุด ณ วันที่ 9 มี.ค.49 ลดลง 31.37 จุด คิดเป็น 4.12% ขณะที่มูลค่าตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) ใน
ตลาดหุ้นไทยต้นเดือน ก.พ.อยู่ที่ 5.36 ล้านล้านบาท ลดลงเหลือ 5.24 ล้านล้านบาท ณ วันที่ 9 มี.ค.49 ลดลง
มูลค่า 1.1 แสน ล.บาท คิดเป็น 2.02% (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของอังกฤษในช่วง 3 เดือน สิ้นสุด ก.พ. 49 จะขยายตัวร้อย
ละ 0.7 รายงานจากลอนดอน เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 49 สถาบันวิจัยเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NIESR) คาด
ว่าเศรษฐกิจของอังกฤษในช่วง 3 เดือน สิ้นสุดเดือน ก.พ. 49 จะขยายตัวประมาณร้อยละ 0.7 จึงทำให้มีการ
คาดคะเนกันอย่างกว้างขวางว่า ธ. กลางอังกฤษจะยังคงอัตราดอกเบี้ยทางการอยู่ ณ ระดับร้อยละ 4.5 ต่อไป
นอกจากนี้ตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมของเดือน ม.ค. ยังช่วยสนับสนุนว่าเศรษฐกิจยังคงมีการขยายตัวอยู่ ทั้งนี้ใน
เดือนก่อนหน้า NIESR คาดว่าตัวเลข GDP ในช่วง 3 เดือน สิ้นสุด ม.ค. 49 จะขยายตัวร้อยละ 0.8 ซึ่งนับเป็น
อัตราเร่งที่สุดในรอบหนึ่งปีครึ่ง สำหรับตัวเลขสถิติอย่างเป็นทางการล่าสุดคือตัวเลขของไตรมาสที่ 4 ปี 48 นั้น
GDP ของอังกฤษ ขยายตัวร้อยละ 0.6 (รอยเตอร์)
2. การส่งออกของเยอรมนีในเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 3.3 เทียบต่อเดือน รายงานจาก
เบอร์ลิน เมื่อ 10 มี.ค.49 สำนักงานสถิติเยอรมนี เปิดเผยตัวเลขหลังปรับปัจจัยทางฤดูกาลแล้วว่า การส่งออก
ของเยอรมนีในเดือน ม.ค.49 อยู่ที่จำนวน 69.7 พัน ล.ยูโร หรือเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 3.3 เทียบต่อเดือน ขณะ
ที่นำเข้าจำนวน 57.8 พัน ล.ยูโร หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0 ส่งผลให้เยอรมนีเกินดุลการค้าทั้งสิ้นจำนวน 11.9 พัน
ล.ยูโร ซึ่งเป็นระดับต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์คาดการณ์ไว้เมื่อสัปดาห์ก่อนว่าจะเกินดุลจำนวน 13.0 พัน
ล.ยูโร จากจำนวน 11.4 พัน ล.ยูโรในเดือน ธ.ค.48 อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก DZ Bank กล่าวว่า
ตัวเลขบ่งชี้ดังกล่าวยังสามารถยืนยันได้ว่าไม่เพียงแต่ภาวะการค้าของเยอรมนีในตลาดโลกที่ยังคงแข็งแกร่ง และ
ยังบ่งชี้ว่าความต้องการในประเทศก็แข็งแกร่งด้วยเช่นกัน ขณะที่ Kiel-based IfW Institute ปรับเพิ่ม
ประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในปี 49 อีกร้อยละ 0.6 เป็นร้อยละ 2.1 อนึ่ง การส่งออกของ
เยอรมนี (ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าสูงสุดของโลกในปี 48) ในเดือน ม.ค.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.3 เมื่อ
เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขณะที่นำเข้าเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 18.7 โดยเป็นการนำเข้าจากประเทศอื่นนอก
สหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 27.5 (รอยเตอร์)
3. ดัชนีชี้วัดภาวะเงินเฟ้อในอนาคตของเขตเศรษฐกิจยุโรปในเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ
101.2 รายงานจากลอนดอน เมื่อ 10 มี.ค.49 The Economic Cycle Research Institute (ECRI)
เปิดเผยว่า ดัชนีชี้วัดภาวะเงินเฟ้อในอนาคตของเขตเศรษฐกิจยุโรป (Eurozone Future Inflation Gauge
— EZFIG) ในเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 101.2 จากระดับ 99.4 ในเดือน ธ.ค.48 (ตัวเลขที่ทบทวน
แล้ว) ภายใต้ภาวะกดดันด้านเงินเฟ้อของประเทศในเขตเศรษฐกิจยุโรปที่ค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ตัวเลข
ล่าสุดพบว่า อัตราเงินเฟ้อของเขตเศรษฐกิจในเดือน ก.พ.49 ลดลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 2.3 จากร้อยละ 2.4 ใน
เดือนก่อนหน้า เนื่องจากความกดดันด้านราคาพลังงานเริ่มผ่อนคลายลง ทั้งนี้ ในเดือน ธ.ค.48 ธ.กลางยุโรปปรับ
เพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.5 มาอยู่ที่ร้อยละ 2.5 โดยส่วนหนึ่งต้องการให้ภาวะเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ
ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ 2.0 อนึ่ง ดัชนี ECRI ของเขตเศรษฐกิจยุโรปได้มาจากการถ่วงน้ำหนักเฉลี่ย
ของดัชนี ECRI ในประเทศเยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน จะประกอบด้วยปัจจัยต่าง ๆ รวมถึงผลตอบแทน
พันธบัตร หนี้สินส่วนบุคคลและภาคธุรกิจ ราคาวัตถุดิบ การจ้างงานและการว่างงาน ปริมาณเงินและกิจกรรมทาง
ธุรกิจ ทั้งนี้ ในเดือน ม.ค.49 ดัชนี ECRI โดยรวมได้รับผลกระทบจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในประเทศเยอรมนี
และอิตาลีที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเยอรมนีเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 87.2 จากระดับ 82.4 ในเดือนก่อน เช่นเดียวกับอิตาลีที่
เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 102.2 จากระดับ 101.5 ในเดือน ธ.ค.48 ตรงข้ามประเทศฝรั่งเศสที่ยังคงอยู่ที่ระดับ
102.8 ในขณะที่สเปนลดลงอยู่ที่ระดับ 149.3 จากระดับ 152.3 ในเดือนก่อนหน้า (รอยเตอร์)
4. ญี่ปุ่นเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือน ม.ค.49 ลดลงร้อยละ 7.6 เทียบต่อปี รายงานจากโตเกียว
เมื่อ 13 มี.ค.49 รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ในเดือน ม.ค.49 ญี่ปุ่นเกินดุลบัญชีเดินสะพัดจำนวน 719.1 พัน
ล.เยน หรือลดลงร้อยละ 7.6 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และหากเทียบต่อเดือนอยู่ที่จำนวน
1.4935 ล้านล้านเยน หรือลดลงร้อยละ 24.4 เทียบต่อเดือน (ตัวเลขหลังปรับปัจจัยทางฤดูกาล) ขณะที่ผลสำรวจ
โดยรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่จำนวน 670 พัน ล.เยน หรือลดลงถึงร้อยละ 13.9 เทียบต่อปี ทั้งนี้ ในเดือน
ม.ค.49 ญี่ปุ่นขาดดุลการค้าจำนวน 209.4 พัน ล.เยน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ขาดดุลภายใต้ฐานวิธีการคำนวณปัจจุบันที่
เริ่มใช้มาตั้งแต่เดือน ม.ค.28 . (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 13 มี.ค. 49 10 มี.ค. 49 31 ม.ค. 48 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.109 38.557 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.9587/39.2479 38.3598/38.6471 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.52156 2..1875 - 2.2000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 728.18/ 10.11 701.91/15.60 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,050/10,150 10,100/10,200 7,750/7,850 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 54.77 55.35 38.15 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 30 สตางค์ เมื่อ 4 มี.ค. 49 **ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 9 มี.ค. 49 26.74*/25.49** 26.74*/25.49** 19.69/14.59 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. หนี้คงค้างบัตรเครดิตเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้น 21.13% เทียบต่อปี รายงานข่าวจากธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ปริมาณบัตรเครดิตในเดือน ม.ค.49 มีจำนวนรวม 9,977,384 บัตร เพิ่มขึ้น
จากช่วงเดียวกันปีก่อน 14.44% แบ่งเป็นบัตรเครดิตที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์จำนวน 3,885,512 บัตร คิดเป็น
การขยายตัวสูงสุดถึง 21.77% บัตรเครดิตที่ออกโดยนอนแบงก์จำนวน 5,025,245 บัตร เพิ่มขึ้น 10.28% และ
บัตรเครดิตที่ออกโดยสาขาต่างประเทศ 1,066,627 บัตร เพิ่มขึ้น 9.91% สำหรับการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเดือน
ม.ค.49 มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 63,854.65 ล.บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 25.23% ส่วนปริมาณการใช้จ่ายผ่าน
บัตรแบ่งเป็นการใช้จ่ายในประเทศจำนวน 45,927.15 ล.บาท เพิ่มขึ้น 27.63% ขณะที่การใช้จ่ายผ่านบัตรในต่าง
ประเทศมีจำนวนรวม 1,970.17 ล.บาท ขยายตัว 15.66% ในส่วนของยอดคงค้างสินเชื่อบัตรเครดิตมีจำนวนรวม
ทั้งสิ้น 143,382.77 ล.บาท เพิ่มขึ้น 21.13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยนอนแบงก์เพิ่มขึ้นสูงสุด
30.67% (ผู้จัดการรายวัน 11-12, ไทยโพสต์)
2. คปน.ยุติบทบาทตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.49 นายโอบเอื้อ ครุฑานุช ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่ง
ประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.49 นี้ ธปท.จะยุติบทบาทของคณะกรรมการเพื่อ
ส่งเสริมการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ (คปน.) ลง ทั้งนี้ ตั้งแต่มีการจัดตั้ง คปน.เพื่อจัดทำภารกิจในการปรับปรุง
โครงสร้างหนี้เป็นเวลากว่า 7 ปี สามารถเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำเร็จแล้วกว่า 11,704 ราย รวมมูลหนี้
ทั้งหมดประมาณ 1,501,583 ล.บาท หรือประมาณ 80% ของจำนวนลูกหนี้ที่มีข้อยุติในการเจรจา สำหรับเป้าหมาย
ในปี 49 ก่อนที่จะยุติบทบาทลงนั้น คปน.จะต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาเอ็นพีแอลทุกกลุ่มให้แล้วเสร็จภายในเดือน
มิ.ย.นี้ โดยจะดำเนินการเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ระหว่างดำเนินคดีและบังคับคดีจนถึงวันที่ 30 เม.ย.เท่านั้น
เพื่อให้การเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้มีข้อยุติทันภายในวันที่ 1 ต.ค. อนึ่ง ในปี 49 มีการเจรจาปรับปรุง
โครงสร้างหนี้โดยมีข้อยุติเพิ่มขึ้น 12,000 ล.บาท หรือกว่า 700 ราย ในขณะที่เอ็นพีแอลลดลงอย่างต่อเนื่องจาก
ปีก่อนร้อยละ 8.16 โดยเหลือลูกหนี้ที่ คปน.ต้องประสานงานเจรจาในปี 49 อีกเกือบ 100 ราย มูลหนี้กว่า
500 ล.บาท (ผู้จัดการรายวัน 11-12)
3. ผลสำรวจพบนักลงทุนต่างชาติโครงการลงทุนเพื่อผลิตและจำหน่ายในประเทศมีความกังวลต่อ
สถานการณ์การเมือง ขณะที่โครงการลงทุนเพื่อการส่งออกยังคงมีความเชื่อมั่น เลขาธิการสำนักงานคระกรรมการ
ส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า บีโอไอได้สำรวจความคิดเห็นของนักลงทุนต่างชาติต่อปัญหาทางการเมือง
ของไทยพบว่า นักลงทุนรายใหม่และโครงการลงทุนผลิตและจำหน่ายในประเทศเป็นหลัก ได้ชะลอการลงทุนไว้ก่อน
จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น เพราะมีความกังวลและไม่มั่นใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนนักลงทุนที่มีการลงทุนเพื่อ
ส่งออกเป็นหลัก ยังมั่นใจที่จะขยายการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะยังเชื่อมั่นในนโยบายส่งเสริมการลงทุน
ทั้งนี้ บีโอไอจะยังไม่ปรับเป้าหมายยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนในปี 49 ที่กำหนดไว้ 8 แสน ล.บาท (กรุงเทพ
ธุรกิจ)
4. ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากบรรยากาศทางการเมืองอย่าง
เห็นได้ชัด รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระบุว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา
ตั้งแต่สถานการณ์การเมืองเริ่มคุกรุ่นจนกระทั่งร้อนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดไทย
อย่างเห็นได้ชัด โดยจากสถิติตัวเลขดัชนีราคาหุ้นจากระดับ 760.36 จุด ในต้นเดือน ก.พ. ลดลงมาอยู่ที่
728.99 จุด ณ วันที่ 9 มี.ค.49 ลดลง 31.37 จุด คิดเป็น 4.12% ขณะที่มูลค่าตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) ใน
ตลาดหุ้นไทยต้นเดือน ก.พ.อยู่ที่ 5.36 ล้านล้านบาท ลดลงเหลือ 5.24 ล้านล้านบาท ณ วันที่ 9 มี.ค.49 ลดลง
มูลค่า 1.1 แสน ล.บาท คิดเป็น 2.02% (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของอังกฤษในช่วง 3 เดือน สิ้นสุด ก.พ. 49 จะขยายตัวร้อย
ละ 0.7 รายงานจากลอนดอน เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 49 สถาบันวิจัยเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NIESR) คาด
ว่าเศรษฐกิจของอังกฤษในช่วง 3 เดือน สิ้นสุดเดือน ก.พ. 49 จะขยายตัวประมาณร้อยละ 0.7 จึงทำให้มีการ
คาดคะเนกันอย่างกว้างขวางว่า ธ. กลางอังกฤษจะยังคงอัตราดอกเบี้ยทางการอยู่ ณ ระดับร้อยละ 4.5 ต่อไป
นอกจากนี้ตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมของเดือน ม.ค. ยังช่วยสนับสนุนว่าเศรษฐกิจยังคงมีการขยายตัวอยู่ ทั้งนี้ใน
เดือนก่อนหน้า NIESR คาดว่าตัวเลข GDP ในช่วง 3 เดือน สิ้นสุด ม.ค. 49 จะขยายตัวร้อยละ 0.8 ซึ่งนับเป็น
อัตราเร่งที่สุดในรอบหนึ่งปีครึ่ง สำหรับตัวเลขสถิติอย่างเป็นทางการล่าสุดคือตัวเลขของไตรมาสที่ 4 ปี 48 นั้น
GDP ของอังกฤษ ขยายตัวร้อยละ 0.6 (รอยเตอร์)
2. การส่งออกของเยอรมนีในเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 3.3 เทียบต่อเดือน รายงานจาก
เบอร์ลิน เมื่อ 10 มี.ค.49 สำนักงานสถิติเยอรมนี เปิดเผยตัวเลขหลังปรับปัจจัยทางฤดูกาลแล้วว่า การส่งออก
ของเยอรมนีในเดือน ม.ค.49 อยู่ที่จำนวน 69.7 พัน ล.ยูโร หรือเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 3.3 เทียบต่อเดือน ขณะ
ที่นำเข้าจำนวน 57.8 พัน ล.ยูโร หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0 ส่งผลให้เยอรมนีเกินดุลการค้าทั้งสิ้นจำนวน 11.9 พัน
ล.ยูโร ซึ่งเป็นระดับต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์คาดการณ์ไว้เมื่อสัปดาห์ก่อนว่าจะเกินดุลจำนวน 13.0 พัน
ล.ยูโร จากจำนวน 11.4 พัน ล.ยูโรในเดือน ธ.ค.48 อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก DZ Bank กล่าวว่า
ตัวเลขบ่งชี้ดังกล่าวยังสามารถยืนยันได้ว่าไม่เพียงแต่ภาวะการค้าของเยอรมนีในตลาดโลกที่ยังคงแข็งแกร่ง และ
ยังบ่งชี้ว่าความต้องการในประเทศก็แข็งแกร่งด้วยเช่นกัน ขณะที่ Kiel-based IfW Institute ปรับเพิ่ม
ประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในปี 49 อีกร้อยละ 0.6 เป็นร้อยละ 2.1 อนึ่ง การส่งออกของ
เยอรมนี (ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าสูงสุดของโลกในปี 48) ในเดือน ม.ค.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.3 เมื่อ
เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขณะที่นำเข้าเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 18.7 โดยเป็นการนำเข้าจากประเทศอื่นนอก
สหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 27.5 (รอยเตอร์)
3. ดัชนีชี้วัดภาวะเงินเฟ้อในอนาคตของเขตเศรษฐกิจยุโรปในเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ
101.2 รายงานจากลอนดอน เมื่อ 10 มี.ค.49 The Economic Cycle Research Institute (ECRI)
เปิดเผยว่า ดัชนีชี้วัดภาวะเงินเฟ้อในอนาคตของเขตเศรษฐกิจยุโรป (Eurozone Future Inflation Gauge
— EZFIG) ในเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 101.2 จากระดับ 99.4 ในเดือน ธ.ค.48 (ตัวเลขที่ทบทวน
แล้ว) ภายใต้ภาวะกดดันด้านเงินเฟ้อของประเทศในเขตเศรษฐกิจยุโรปที่ค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ตัวเลข
ล่าสุดพบว่า อัตราเงินเฟ้อของเขตเศรษฐกิจในเดือน ก.พ.49 ลดลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 2.3 จากร้อยละ 2.4 ใน
เดือนก่อนหน้า เนื่องจากความกดดันด้านราคาพลังงานเริ่มผ่อนคลายลง ทั้งนี้ ในเดือน ธ.ค.48 ธ.กลางยุโรปปรับ
เพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.5 มาอยู่ที่ร้อยละ 2.5 โดยส่วนหนึ่งต้องการให้ภาวะเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ
ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ 2.0 อนึ่ง ดัชนี ECRI ของเขตเศรษฐกิจยุโรปได้มาจากการถ่วงน้ำหนักเฉลี่ย
ของดัชนี ECRI ในประเทศเยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน จะประกอบด้วยปัจจัยต่าง ๆ รวมถึงผลตอบแทน
พันธบัตร หนี้สินส่วนบุคคลและภาคธุรกิจ ราคาวัตถุดิบ การจ้างงานและการว่างงาน ปริมาณเงินและกิจกรรมทาง
ธุรกิจ ทั้งนี้ ในเดือน ม.ค.49 ดัชนี ECRI โดยรวมได้รับผลกระทบจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในประเทศเยอรมนี
และอิตาลีที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเยอรมนีเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 87.2 จากระดับ 82.4 ในเดือนก่อน เช่นเดียวกับอิตาลีที่
เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 102.2 จากระดับ 101.5 ในเดือน ธ.ค.48 ตรงข้ามประเทศฝรั่งเศสที่ยังคงอยู่ที่ระดับ
102.8 ในขณะที่สเปนลดลงอยู่ที่ระดับ 149.3 จากระดับ 152.3 ในเดือนก่อนหน้า (รอยเตอร์)
4. ญี่ปุ่นเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือน ม.ค.49 ลดลงร้อยละ 7.6 เทียบต่อปี รายงานจากโตเกียว
เมื่อ 13 มี.ค.49 รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ในเดือน ม.ค.49 ญี่ปุ่นเกินดุลบัญชีเดินสะพัดจำนวน 719.1 พัน
ล.เยน หรือลดลงร้อยละ 7.6 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และหากเทียบต่อเดือนอยู่ที่จำนวน
1.4935 ล้านล้านเยน หรือลดลงร้อยละ 24.4 เทียบต่อเดือน (ตัวเลขหลังปรับปัจจัยทางฤดูกาล) ขณะที่ผลสำรวจ
โดยรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่จำนวน 670 พัน ล.เยน หรือลดลงถึงร้อยละ 13.9 เทียบต่อปี ทั้งนี้ ในเดือน
ม.ค.49 ญี่ปุ่นขาดดุลการค้าจำนวน 209.4 พัน ล.เยน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ขาดดุลภายใต้ฐานวิธีการคำนวณปัจจุบันที่
เริ่มใช้มาตั้งแต่เดือน ม.ค.28 . (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 13 มี.ค. 49 10 มี.ค. 49 31 ม.ค. 48 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.109 38.557 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.9587/39.2479 38.3598/38.6471 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.52156 2..1875 - 2.2000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 728.18/ 10.11 701.91/15.60 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,050/10,150 10,100/10,200 7,750/7,850 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 54.77 55.35 38.15 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 30 สตางค์ เมื่อ 4 มี.ค. 49 **ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 9 มี.ค. 49 26.74*/25.49** 26.74*/25.49** 19.69/14.59 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--