กรุงเทพ--12 ก.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
ตั้งแต่เกิดมาและจำความได้ “ ไท ดูโต” ยังไม่เคยห็นวันใด เดือนใด และปีใด ที่ประชาชนคนไทยจะมีความสุขและปลื้มปิติเท่ากับความสุขที่ได้รับในเดือนมิถุนายนศกนี้ และเชื่ออย่างหมดหัวใจว่า คนไทยทุกคนจะต้องจารึก จดจำ ภาพประวัติศาสตร์ในช่วงงานฉลองสิริราชสมบัติ ๖๐ ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตราบจนชีวิตจะหาไม่
ในฐานะที่เป็น “ลูกของพ่อหลวง” ร่วมกับคนไทยอีก ๖๐ ล้านคน ผู้เขียนขอมีส่วนร่วม แม้เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งที่จะติดตามข่าวและบทความที่สื่อมวลชนต่างประเทศได้เผยแพร่พระราชกรณียกิจ และนำมาประมวลให้ผู้อ่าน และพี่น้องชาวไทยได้รับทราบให้หัวใจพองโตด้วยความสุขอย่างล้นปรี่กันอีกครั้งหนึ่ง
เท่าที่ได้อ่านบทความและรายงานข่าวที่บรรดาสื่อต่างประเทศเขียนสดุดีและเทิดพระเกียรติ “พ่อหลวงของเรา” ผู้เขียนมีความประทับใจอยู่ ๒ ข่าว คือ การรายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์ BBC ของอังกฤษว่า มีกษัตริย์และพระราชวงศ์เกือบทั่วโลก ถึง ๒๕ พระองค์เสด็จร่วมงานเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติ ฯ และถือเป็นการรวมตัวของกษัตริย์เกือบทุกพระราชวงศ์ที่ทรงพระราชอำนาจ พระเกียรติยศ และทรงมีชื่อเสียงกันทุกพระองค์ แต่ไม่มีกษัตริย์หรือพระราชวงศ์องค์ใดจะเทียบเท่าพระมหากษัตริย์ภูมิพล ฯ ซึ่งได้รับความรักและจงรักภักดีจากพสกนิกรชาวไทยอย่างล้นพ้นเช่นนี้
และอีกข่าวหนึ่งซึ่งประทับใจไม่ยิ่งหย่อนกว่าข่าวแรกคือ บทความในหนังสือพิมพ์เวียดนามนิวส์ในหัวข้อ King of Thailand wears many crowns เขียนด้วย “เล ฮวย” ซึ่งสดุดีว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงได้รับการสดุดีถวายหลายพระนาม ได้แก่ พระเจ้าแผ่นดิน (Lord of the Land) พระเจ้าอยู่หัว (Lord upon the heads) เจ้าแห่งชีวิต (Lord of life) ซึ่งล้วนแสดงถึงความจงรักภักดี เคารพรักและเทิดทูนสูงสุดที่พสกนิกรชาวไทยมีต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างล้นพ้น
“เล ฮวย” ได้สดุดีพระองค์ว่าทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งสายฝน พระมหากษัตริย์แห่งเศรษฐกิจทฤษฎีใหม่ พระมหากษัตริย์ที่ทรงมีอัจฉริยภาพทางศิลปะ และที่ประทับใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ คือ พระมหากษัตริย์ที่สถิตย์อยู่ในดวงใจของคนไทยทุกคน
ไม่ว่า “เล ฮวย” จะถวายพระราชสมญานามว่าอย่างไร แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงชนะใจพสกนิกรชาวไทยในพระวิริยะอุตสาหะที่ทรงช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้ รับฟังความทุกข์และปัญหาของประชาชน และทรงอุทิศพระวรกายอย่างไม่ทรงเหน็ดเหนื่อย เพื่อความอยู่ดีกินดี และความผาสุกของพสกนิกรของพระองค์ ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงทรงได้รับสมญานามที่ทรงพระเกียรติยศมากที่สุด คือ พระมหากษัตริย์นักพัฒนา
ไม่เพียงเป็นพระมหากษัตริย์นักพัฒนาเท่านั้น แต่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งสายฝน ซึ่งมีที่มาในช่วงเสด็จประพาสเยี่ยมเยียนพสกนิกรทั่วราชอาณาจักรไทย ทรงเห็นความทุกข์ยากและปัญหาของประชาชนที่ได้รับจากภัยแล้งที่ซ้ำซาก และทรงเห็นสาเหตุแห่งความทุกข์ยากที่ประชาชนได้รับเนื่องจากฝนที่ขาดช่วง ตกไม่สม่ำเสมอ ทำให้พืชผลเกษตรได้รับความเสียหายอย่างหนัก
เมื่อครั้งพระองค์เสด็จไปยังเทือกเขาภูพาน จังหวัดสกลนคร ทรงเห็นก้อนเมฆปกคลุมเหนือพื้นดินเป็นบริเวณกว้างไกล ทรงเกิดความคิดอย่างฉับพลันว่า ทำอย่างไรจะทำให้ละอองน้ำเกิดการควบแน่นและตกลงมาเป็นฝนได้ ตั้งแต่บัดนั้น ทรงเกิดแรงบันดาลใจที่จะค้นคว้าเกี่ยวกับ อุตุนิยมวิทยาและภูมิอากาศ ด้วยทรงหวังว่าจะสามารถสร้างสภาวะอากาศที่เอื้ออำนวยต่อเกษตรกรผู้ยากไร้ พระองค์ทรงตั้งโครงการฝนหลวง โดยมอบหมายให้ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมการเกษตรมาเป็นผู้ดูแลศึกษาโครงการ ฯ ทำให้คณะกรรมการยูเรก้า ณ กรุงบรัลเซลล์ ถวายเหรียญทองชนะเลิศใน ปี พ.ศ. ๒๕๔๔
ยังมีพระสมญานามที่คนไทยรู้จักกันดีที่สุด คือ พระมหากษัตริย์แห่งเศรษฐกิจแนวใหม่ เนื่องจากพระองค์ทรงสนพระทัยในการพัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานของความพอเพียง ยึดทางสายกลาง และประหยัดอย่างสมเหตุสมผล ทำให้สังคมไทยมีภูมิคุ้มกันและสามารถพึ่งพาตนเองได้ ทรงเป็น “อัครมหาศิลปิน” ในทุกสาขาไม่ว่าจะเป็นดนตรี วาดภาพ ถ่ายภาพ และทรงเรือใบได้อย่างเชี่ยวชาญ ซึ่งพวกเราพสกนิกรชาวไทยล้วนประจักษ์กันดีถึงพระอัจริยภาพของพระองค์
คำตรัสของพระองค์ในพระราชพิธีราชาภิเษกเมื่อ 60 ปีก่อนว่า “ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อความผาสุขของปวงชนชาวไทยทั้งมวล” ยังดังก้องอยู่ในหัวใจของพวกเราชาวไทยทุกคน โดยการอุทิศพระวรกายและทรงงานอย่างหนักตลอดช่วง 60 ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าทรงปฏิบัติและยึดมั่นในคำตรัสของพระองค์ไว้ในพระทัยอย่างแท้จริง
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-
ตั้งแต่เกิดมาและจำความได้ “ ไท ดูโต” ยังไม่เคยห็นวันใด เดือนใด และปีใด ที่ประชาชนคนไทยจะมีความสุขและปลื้มปิติเท่ากับความสุขที่ได้รับในเดือนมิถุนายนศกนี้ และเชื่ออย่างหมดหัวใจว่า คนไทยทุกคนจะต้องจารึก จดจำ ภาพประวัติศาสตร์ในช่วงงานฉลองสิริราชสมบัติ ๖๐ ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตราบจนชีวิตจะหาไม่
ในฐานะที่เป็น “ลูกของพ่อหลวง” ร่วมกับคนไทยอีก ๖๐ ล้านคน ผู้เขียนขอมีส่วนร่วม แม้เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งที่จะติดตามข่าวและบทความที่สื่อมวลชนต่างประเทศได้เผยแพร่พระราชกรณียกิจ และนำมาประมวลให้ผู้อ่าน และพี่น้องชาวไทยได้รับทราบให้หัวใจพองโตด้วยความสุขอย่างล้นปรี่กันอีกครั้งหนึ่ง
เท่าที่ได้อ่านบทความและรายงานข่าวที่บรรดาสื่อต่างประเทศเขียนสดุดีและเทิดพระเกียรติ “พ่อหลวงของเรา” ผู้เขียนมีความประทับใจอยู่ ๒ ข่าว คือ การรายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์ BBC ของอังกฤษว่า มีกษัตริย์และพระราชวงศ์เกือบทั่วโลก ถึง ๒๕ พระองค์เสด็จร่วมงานเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติ ฯ และถือเป็นการรวมตัวของกษัตริย์เกือบทุกพระราชวงศ์ที่ทรงพระราชอำนาจ พระเกียรติยศ และทรงมีชื่อเสียงกันทุกพระองค์ แต่ไม่มีกษัตริย์หรือพระราชวงศ์องค์ใดจะเทียบเท่าพระมหากษัตริย์ภูมิพล ฯ ซึ่งได้รับความรักและจงรักภักดีจากพสกนิกรชาวไทยอย่างล้นพ้นเช่นนี้
และอีกข่าวหนึ่งซึ่งประทับใจไม่ยิ่งหย่อนกว่าข่าวแรกคือ บทความในหนังสือพิมพ์เวียดนามนิวส์ในหัวข้อ King of Thailand wears many crowns เขียนด้วย “เล ฮวย” ซึ่งสดุดีว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงได้รับการสดุดีถวายหลายพระนาม ได้แก่ พระเจ้าแผ่นดิน (Lord of the Land) พระเจ้าอยู่หัว (Lord upon the heads) เจ้าแห่งชีวิต (Lord of life) ซึ่งล้วนแสดงถึงความจงรักภักดี เคารพรักและเทิดทูนสูงสุดที่พสกนิกรชาวไทยมีต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างล้นพ้น
“เล ฮวย” ได้สดุดีพระองค์ว่าทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งสายฝน พระมหากษัตริย์แห่งเศรษฐกิจทฤษฎีใหม่ พระมหากษัตริย์ที่ทรงมีอัจฉริยภาพทางศิลปะ และที่ประทับใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ คือ พระมหากษัตริย์ที่สถิตย์อยู่ในดวงใจของคนไทยทุกคน
ไม่ว่า “เล ฮวย” จะถวายพระราชสมญานามว่าอย่างไร แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงชนะใจพสกนิกรชาวไทยในพระวิริยะอุตสาหะที่ทรงช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้ รับฟังความทุกข์และปัญหาของประชาชน และทรงอุทิศพระวรกายอย่างไม่ทรงเหน็ดเหนื่อย เพื่อความอยู่ดีกินดี และความผาสุกของพสกนิกรของพระองค์ ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงทรงได้รับสมญานามที่ทรงพระเกียรติยศมากที่สุด คือ พระมหากษัตริย์นักพัฒนา
ไม่เพียงเป็นพระมหากษัตริย์นักพัฒนาเท่านั้น แต่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งสายฝน ซึ่งมีที่มาในช่วงเสด็จประพาสเยี่ยมเยียนพสกนิกรทั่วราชอาณาจักรไทย ทรงเห็นความทุกข์ยากและปัญหาของประชาชนที่ได้รับจากภัยแล้งที่ซ้ำซาก และทรงเห็นสาเหตุแห่งความทุกข์ยากที่ประชาชนได้รับเนื่องจากฝนที่ขาดช่วง ตกไม่สม่ำเสมอ ทำให้พืชผลเกษตรได้รับความเสียหายอย่างหนัก
เมื่อครั้งพระองค์เสด็จไปยังเทือกเขาภูพาน จังหวัดสกลนคร ทรงเห็นก้อนเมฆปกคลุมเหนือพื้นดินเป็นบริเวณกว้างไกล ทรงเกิดความคิดอย่างฉับพลันว่า ทำอย่างไรจะทำให้ละอองน้ำเกิดการควบแน่นและตกลงมาเป็นฝนได้ ตั้งแต่บัดนั้น ทรงเกิดแรงบันดาลใจที่จะค้นคว้าเกี่ยวกับ อุตุนิยมวิทยาและภูมิอากาศ ด้วยทรงหวังว่าจะสามารถสร้างสภาวะอากาศที่เอื้ออำนวยต่อเกษตรกรผู้ยากไร้ พระองค์ทรงตั้งโครงการฝนหลวง โดยมอบหมายให้ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมการเกษตรมาเป็นผู้ดูแลศึกษาโครงการ ฯ ทำให้คณะกรรมการยูเรก้า ณ กรุงบรัลเซลล์ ถวายเหรียญทองชนะเลิศใน ปี พ.ศ. ๒๕๔๔
ยังมีพระสมญานามที่คนไทยรู้จักกันดีที่สุด คือ พระมหากษัตริย์แห่งเศรษฐกิจแนวใหม่ เนื่องจากพระองค์ทรงสนพระทัยในการพัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานของความพอเพียง ยึดทางสายกลาง และประหยัดอย่างสมเหตุสมผล ทำให้สังคมไทยมีภูมิคุ้มกันและสามารถพึ่งพาตนเองได้ ทรงเป็น “อัครมหาศิลปิน” ในทุกสาขาไม่ว่าจะเป็นดนตรี วาดภาพ ถ่ายภาพ และทรงเรือใบได้อย่างเชี่ยวชาญ ซึ่งพวกเราพสกนิกรชาวไทยล้วนประจักษ์กันดีถึงพระอัจริยภาพของพระองค์
คำตรัสของพระองค์ในพระราชพิธีราชาภิเษกเมื่อ 60 ปีก่อนว่า “ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อความผาสุขของปวงชนชาวไทยทั้งมวล” ยังดังก้องอยู่ในหัวใจของพวกเราชาวไทยทุกคน โดยการอุทิศพระวรกายและทรงงานอย่างหนักตลอดช่วง 60 ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าทรงปฏิบัติและยึดมั่นในคำตรัสของพระองค์ไว้ในพระทัยอย่างแท้จริง
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-