พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ฉบับที่ 16/2549 คาดหมายลักษณะอากาศเพื่อการเกษตรใน 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่วันที่ 6-12 ก.พ. 2549 ในช่วงวันที่ 6-7 ก.พ. ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังอ่อนลง ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมตะวันตกพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันอกเฉียงเหนือตอนบน และภาคกลางตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีหมอกหลายพื้นที่ในตอนเช้า และมีฝนบางแห่งบริเวณยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด ในช่วงวันที่ 8-12 ก.พ. มวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิลดลง โดยมีอากาศ หนาวเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง ส่วนภาคใต้ตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลงไปถึงนราธิวาสจะมีฝนตกเพิ่มมากขึ้น อนึ่ง คลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดชมพรลงไปยังคงมีกำลังแรงตลอดช่วง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ข้อควรระวัง ในระยะนี้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปจะมีกำลังแรงตลอดช่วง ขอให้ชาวเรือและชาวประมงระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือไว้ด้วย และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ ในระยะ 7 วันข้างหน้า มีดังนี้ เหนือ ในช่วงวันที่ 6-8 ก.พ. มีหมอกในตอนเช้า และอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส และมีฝนบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-10 องศาเซลเซียส ลมอ่อน 6-12 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 9-12 ก.พ. อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 6-8 ก.พ. มีหมอกในตอนเช้า และอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส และมีฝนบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-10 องศาเซลเซียส ลมอ่อน 6-12 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 9-12 ก.พ. อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม. สำหรับผลผลิตการเกษตรที่เปียกฝนในช่วงที่ผ่านมาควรลดความชื้นก่อนนำเข้าโรงเก็บเพื่อป้องกันผลผลิตเน่าเสียหายและควรระวังการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรคราน้ำค้าง ในพืชผักและไม้ดอก ตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 6-7 ก.พ. มีหมอกในตอนเช้า และมีฝนบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค อากาศหนาวทางตอนบนสุดของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 8-12 ก.พ. อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 6-7 ก.พ. มีหมอกในตอนเช้า และมีฝนบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค อากาศหนาวทางตอนบนสุดของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 8-12 ก.พ. อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 6-7 ก.พ. มีฝนบางแห่งเกษตรกรไม่ควรตากผลผลิตการเกษตรไว้กลางแจ้ง อนึ่ง ระยะนี้อุณหภูมิแตกต่างกันมากระหว่างกลางวันและกลางคืน ดังนั้นจึงควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย นอกจากนี้ควรระวังการเกิดอัคคีภัยและไฟป่า กลาง ในช่วงวันที่ 6-8 ก.พ. มีหมอกในตอนเช้า และอากาศเย็นทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส และมีฝนบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ในช่วงวันที่ 9-12 ก.พ. อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส และมีลมแรง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 6-8 ก.พ. มีหมอกในตอนเช้า และอากาศเย็นทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส และมีฝนบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ในช่วงวันที่ 9-12 ก.พ. อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส และมีลมแรง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. เนื่องจากสภาพอากาศแห้งน้ำจะระเหยเร็ว เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอโดยเฉพาะไม้ผลที่อยู่ในระยะ ติดผลอ่อน เพราะหากขาดน้ำจะทำให้การติดผลลดลง นอกจากนี้ควรคลุมบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ ทางการเกษตร เพื่อรักษาความชื้นดิน ตะวันออก ในช่วงวันที่ 6-8 ก.พ. อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส และมีหมอกในตอนเช้า ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 9-12 ก.พ. อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส และมี ลมแรง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 6-8 ก.พ. อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส และมีหมอกในตอนเช้า ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 9-12 ก.พ. อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส และมี ลมแรง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. เนื่องจากระยะนี้ไม่มีฝนตกเกษตรกรควรใช้น้ำอย่างประหยัด และวางแผนการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่วนไม้ผลที่อยู่ในระยะติดผลอ่อนชาวสวนควร ระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ใต้ ทางฝั่งตะวันออกทางตอนบนของภาคอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 ๐ซ. ในช่วงวันที่ 6-8 ก.พ. มีฝนบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม/ชม. ในช่วงวันที่ 9-12 ก.พ. จะมีฝนเพิ่มขึ้น ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 6-8 ก.พ. มีเมฆบางส่วน ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 9-12 ก.พ. จะมีฝนบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทางฝั่งตะวันออกทางตอนบนของภาคอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 ๐ซ. ในช่วงวันที่ 6-8 ก.พ. มีฝนบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม/ชม. ในช่วงวันที่ 9-12 ก.พ. จะมีฝนเพิ่มขึ้น ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 6-8 ก.พ. มีเมฆบางส่วน ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 9-12 ก.พ. จะมีฝนบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. บริเวณที่มีฝนตก เกษตรกรควรกักเก็บน้ำไว้ใช้ในระยะต่อไป สำหรับ ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยง ควรดูแลปริมาณน้ำให้เหมาะสมกับจำนวนสัตว์ หากปริมาณสัตว์น้ำมากเกินไปจะทำให้อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74-สส-