สรุปประเด็นสำคัญ ดัชนีอุตสาหกรรมของเดือนกันยายน 2549 - ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม = 172.52 เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2549 (171.26) ร้อยละ 0.73 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (163.89) ร้อยละ 5.26 - ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2549 ได้แก่ การผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ การแปรรูปผลไม้และผัก การผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์ การผลิตเครื่องรับโทรทัศน์และวิทยุและสินค้าที่เกี่ยวข้อง การผลิตอื่นๆ ซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ในที่อื่น - อัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ย = 68.27 ลดลงเล็กน้อยจากเดือนสิงหาคม 2549 (68.89) ร้อยละ 0.90 และลดลงเล็กน้อยเช่นกันจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (69.15) ร้อยละ 0.10 ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมในเดือนตุลาคม 2549 - อุตสาหกรรมอาหาร คาดว่าการผลิตและการส่งออกจะขยายต่อเนื่องจากปริมาณคำสั่งซื้อสินค้าที่เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลในช่วงไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นช่วงส่งท้ายปีที่มีเทศกาลสำคัญๆ ประกอบกับราคาน้ำมันเริ่มปรับลดลง อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยเสี่ยงในเรื่องโรคระบาดไก่ การแข็งค่าเงินบาท และความไม่ชัดเจนในการปรับอัตราโควตาภาษีสินค้าไก่ของ EU ที่อาจ ส่งผลต่อการส่งออกไก่ของไทยได้ นอกจากนี้สถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ทำการเกษตรอาจส่งผลต่อปริมาณวัตถุดิบที่จะเข้าสู่ภาคการผลิตเพื่อการส่งออกและบริโภคในระยะต่อไป - อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม การผลิตผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูปในเดือนตุลาคม 2549 คาดว่า จะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่องจนสิ้นปี แต่ ตลาดสิ่งทอฯ ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากประเทศที่มีต้นทุนแรงงานต่ำที่เพิ่มบทบาทขึ้นในตลาดโลก และปัญหาการแข็งค่าของค่าเงินบาท อาจส่งผลให้ผู้ประกอบการแข่งขันได้ลำบากมากขึ้น - อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กล้า สถานการณ์เหล็กในเดือน ต.ค. 2549 คาดว่าทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยการผลิตเหล็กทรงยาวอาจจะขยายตัวเล็กน้อย เพื่อใช้สำหรับการซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ตลอดจนถนนต่างๆ หลังจากเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศ แต่สำหรับการลงทุนการก่อสร้างขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนยังคงชะลอตัวอยู่ สำหรับการผลิตของเหล็กทรงแบนคาดการณ์ว่าจะทรงตัว ถึงแม้ว่าความต้องการใช้ในประเทศจะมีแนวโน้มที่ลดลงแต่ผู้ผลิตได้มีนโยบายขยายการส่งออกไปยังประเทศในแถบยุโรป สหรัฐอเมริกา ซึ่งยังคงมีความต้องการอยู่ จึงถือว่าเป็นการชดเชยในส่วนของความต้องการใช้ในประเทศที่ลดลงด้วย - อุตสาหกรรมยานยนต์ ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนตุลาคม 2549 คาดว่า ขยายตัวขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกันยายนที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นของไตรมาสสี่ซึ่งเป็นฤดูกาลขายของปี ในขณะเดียวกันวิกฤตการณ์น้ำท่วมก็เริ่มได้รับการแก้ไขให้บรรเทาลง - อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ในเดือนตุลาคม และเดือนพฤศจิกายน 2549 คาดว่าการผลิตและการจำหน่ายในประเทศจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการของตลาดที่เริ่มสูงขึ้นในไตรมาส 4 เพราะอยู่ในช่วงฤดูกาลก่อสร้าง รวมทั้งสภาพน้ำท่วมในหลายพื้นที่น่าจะเริ่มคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น จะส่งผลให้ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์เพื่อใช้ในการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น สำหรับการส่งออกคาดว่าจะมีแนวโน้มทรงตัว เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐอเมริกายังอยู่ในภาวะชะลอตัว - อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ภาวการณ์ผลิตและขายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในเดือนตุลาคม 2549 และไตรมาส 4 คาดว่า ในกลุ่มภาพและเครื่องเสียง (AV) อาจจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงปลายปี เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลต่างๆ ส่วนสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในเดือนกันยายนและช่วงปลายปี คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงเช่นกัน เนื่องจากความต้องการสินค้า Consumer Electronic ของโลกที่ยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง เช่น Notebook MP3 DVD Player เป็นต้น ซึ่งในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะอาศัยการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ดัชนีอุตสาหกรรมไตรมาสที่ 3 ปี 2549 - ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2549 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 168.9 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา (161.5) ร้อยละ 4.6 และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี 2548 (160.0) ร้อยละ 5.5 อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ(Hard Disk Drive) อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ และอุตสาหกรรมการแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำเป็นต้น สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี 2548 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ (Hard Disk Drive) อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ และอุตสาหกรรมการผลิตอื่น ๆ ซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ในที่อื่น เป็นต้น ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2549 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 6.6 โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีเพิ่มขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชี และเครื่องคำนวณ (Hard Disk Drive) อุตสาหกรรมการผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์ และอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ เป็นต้น - อัตราการใช้กำลังการผลิต เป็นตัวบ่งชี้สภาพการผลิตของภาคอุตสาหกรรมโดยเปรียบเทียบระดับการผลิตที่เกิดขึ้นจริงกับระดับการผลิตที่ใช้กำลังการผลิตเต็มที่ ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2549 อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ระดับ 68.0 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสที่ผ่านมา (67.8) แต่ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2548 (68.9) อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสที่ผ่านมา ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตน้ำตาล อุตสาหกรรมการผลิตเคมีภัณฑ์ขั้นมูลฐาน ยกเว้นปุ๋ยและสารประกอบไนโตรเจน และอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2548 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องรับโทรทัศน์และวิทยุ และสินค้าที่เกี่ยวข้อง และอุตสาหกรรมการผลิตเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าขั้นมูลฐาน เป็นต้น ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2549 อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2548 เล็กน้อยโดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 โดยอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตหลอดอิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมการผลิตเคมีภัณฑ์ขั้นมูลฐาน ยกเว้นปุ๋ยและสารประกอบไนโตรเจน สถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม - ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ส.ค. 49 = 171.26 ก.ย. 49 = 172.52 โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีเพิ่มขึ้น ได้แก่ - การผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ - การแปรรูปผลไม้และผัก - การผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์ - อัตราการใช้กำลังการผลิต ส.ค. 49 = 68.89 ก.ย. 49 = 68.27 โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตทรงตัวโดยลดลงเล็กน้อย ได้แก่ - การผลิตยานยนต์ - การผลิตเยื่อกระดาษ กระดาษ และกระดาษแข็ง - การผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม 1.อุตสาหกรรมอาหาร . ภาวะการผลิตและการส่งออกปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่เดือนหน้าคาดว่าจะยังขยายตัวต่อเนื่องจากปริมาณคำสั่งซื้อสินค้าที่ปรับตัวตามฤดูกาล สำหรับการจำหน่ายในประเทศอาจจะทรงตัวตามภาวะเงินเฟ้อและสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น 1 การผลิต ภาวะการผลิตโดยรวมขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนและเดือนก่อนร้อยละ 17.5 และ 1.2 โดยสินค้าสำคัญที่ผลิตเพื่อส่งออกขยายตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน ได้แก่ กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งร้อยละ 12.5 และแป้งมันสำปะหลังร้อยละ 14.8 สำหรับการผลิตเพื่อใช้ในประเทศ ปาล์มน้ำมัน มีการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 61 และอาหารไก่ผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.4 โดยที่การใช้กำลังการผลิตในภาพรวมเพิ่มขึ้นจากปีก่อนและเดือนก่อน ร้อยละ 7.5 และ 0.9 2. การตลาด 1) ตลาดในประเทศ มูลค่าการจำหน่ายสินค้าอาหารเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนร้อยละ 16.3 แต่ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 1.1 เนื่องจากระดับราคาน้ำมันเริ่มชะลอตัวลง และมีการจับจ่ายใช้สอยทั้งในด้านอุปโภคบริโภคของภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้น 2) ตลาดต่างประเทศ ภาวะการส่งออกโดยรวม มีปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 46.9 และ 19.6 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยสินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ ทูน่ากระป๋องมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.9 ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ร้อยละ 30.1 สับปะรดกระป๋อง ร้อยละ 22.1 และผลิตภัณฑ์ข้าวร้อยละ 2.2 เป็นผลจากความเชื่อถือต่อภาพลักษณ์อาหารของไทย และคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล 3. แนวโน้ม คาดว่าการผลิตและการส่งออกจะขยายต่อเนื่องจากปริมาณคำสั่งซื้อสินค้าที่เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลในช่วงไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นช่วงส่งท้ายปีที่มีเทศกาลสำคัญๆ ประกอบกับราคาน้ำมันเริ่มปรับลดลงอย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยเสี่ยงในเรื่องโรคระบาดไก่ การแข็งค่าเงินบาท และความไม่ชัดเจนในการปรับอัตราโควตาภาษีสินค้าไก่ของ EU ที่อาจส่งผลต่อการส่งออกไก่ของไทยได้ นอกจากนี้สถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ทำการเกษตรอาจส่งผลต่อปริมาณวัตถุดิบที่จะเข้าสู่ภาคการผลิตเพื่อการส่งออกและบริโภคในระยะต่อไป 2.อุตสาหกรรมน้ำตาล (สิงหาคม) 1. น้ำตาลทราย 1.1 การผลิต ตั้งแต่มีการปิดหีบห้อยเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2549 โรงงานน้ำตาลทั้ง 46 โรงงานในประเทศได้หยุดการผลิตน้ำตาลทราบดิบ แต่มีบางโรงงานได้นำน้ำตาลทรายดิบไปละลายเพื่อแปรสภาพเป็นน้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ โดยมีการผลิตน้ำตาลทรายรวมตั้งแต่เดือนมกราคม -สิงหาคม 2549 (8 เดือน) จำนวนทั้งสิ้น 4,336,260.95 ตัน ในจำนวนนี้เป็นน้ำตาลทรายดิบ จำนวน 1,618,390.34 ตัน หรือ 37% ของผลผลิตน้ำตาลทั้งหมด ส่วนที่เหลือเป็นน้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ 1.2 การบริโภค ในเดือนสิงหาคม 2549 มีการบริโภคน้ำตาลทรายในประเทศ จำนวน 178,026.52 ตัน ลดลง 2% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งมีการบริโภค จำนวน 182,164.15 ตัน สำหรับการบริโภคโดยรวมตั้งแต่เดือนมกราคม - สิงหาคม 2549 (8 เดือน) มีจำนวนทั้งสิ้น 1,533,720.93 ตัน เพิ่มขึ้น 3% จากในช่วงเดียวกันของปี 2548 1.3 การส่งออก ในเดือนสิงหาคม 2549 ประเทศไทยมีการส่งออกน้ำตาลจำนวน 197,179.60 ตัน เพิ่มขึ้น 7% จากเดือนกรกฎาคม 2549 ซึ่งส่งออกได้จำนวน 183,320.18 นและการส่งออกน้ำตาลตั้งแต่เดือนมกราคม - สิงหาคม 2549 (8 เดือน) มีจำนวนทั้งสิ้น1,250,239.18 ตัน เป็นการส่งออกน้ำตาลทรายดิบ 717,023.44 ตัน หรือ 57% ของปริมาณการส่งออกทั้งหมด โดยปริมาณการส่งออกในเดือนสิงหาคมของปีนี้ลดลง 47% จากในช่วงเดียวกันของปี 2548 1.4 การนำเข้า ในช่วงเดือนมกราคม - สิงหาคม 2549 (8 เดือน) มีการนำเข้าน้ำตาลทราย จำนวนทั้งสิ้น 10,415.63 ตัน ซึ่งในเดือนสิงหาคมไม่มีการนำเข้าน้ำตาลทรายจากต่างประเทศและปริมาณการนำเข้าน้ำตาลตั้งแต่เดือนมกราคม - สิงหาคม 2549 ยังคงไม่เกินโควตานำเข้าภายในกรอบ WTO ซึ่งประเทศไทยผูกพันไว้ที่ จำนวน 13,760 ตัน ที่อัตราภาษีนำเข้า 65% ส่วนอัตราภาษีนอกโควตาอยู่ที่ 94% 2. กากน้ำตาล ในเดือนสิงหาคม 2549 มีการผลิตกากน้ำตาล จำนวน 1,806.25 ตัน เพิ่มขึ้น 47% จากในช่วงเดียวกันของปี 2548 ส่วนผลผลิตกากน้ำตาลตั้งแต่เดือนมกราคม - สิงหาคม 2549 (8 เดือน) มีจำนวนทั้งสิ้น 1,989.710.31 ตัน การ สงออกกากน้ำตาลในเดือนสิงหาคม 2549 มีจำนวนทั้งสิ้น 24,576.98 ตัน หรือประมาณ 1% ของปริมาณการผลิตทั้งหมด ส่วนการส่งออกตั้งแต่เดือนมกราคม - สิงหาคม 2549 มีจำนวน 381,703.13 ตัน 3. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม "...ปัญหาการแข็งค่าของค่าเงินบาทอาจส่งผลให้ผู้ประกอบการแข่งขันได้ลำบากมากขึ้น..." 1 การผลิตและการจำหน่าย ภาวะการผลิตเมื่อพิจารณาจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนกันยายน 2549 การผลิตเส้นใยสิ่งทอฯ ลดลงร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและร้อยละ 6.8 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เช่นเดียวกับการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปจากผ้าถัก ลดลงร้อยละ 5.4 และ 11.3 ตามลำดับ แต่การผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปจากผ้าทอ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และร้อยละ 5.5 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ผลจากคู่แข่งของไทยเช่น จีน ประสบปัญหาถูกคุมโควตาส่งออกจากประเทศผู้นำเข้าทั้งสหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป ทำให้ตลาดเหล่านี้ซึ่งเป็นตลาดหลักของไทย หันมานำเข้าเสื้อผ้าจากไทยเพิ่มขึ้น 2. การส่งออกและตลาดส่งออก มูลค่าการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในเดือนกันยายน 2549 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 6.7 และเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.7 โดยผลิตภัณฑ์ที่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนได้แก่เสื้อผ้าสำเร็จรูป (-4.7%) ผ้าผืนทำจากเส้นใยประดิษฐ์(-6.6%) ด้ายฝ้าย (-34.8%) ด้ายเส้นใยประดิษฐ์ (-8.8%) เส้นใยประดิษฐ์ (-27.9%) และสิ่งทออื่นๆ (-8.8%) ขณะที่เครื่องยกทรงฯ ผ้าผืน เคหะสิ่งทอผ้าปักและผ้าลูกไม้ และผ้าแบบสำหรับตัดเสื้อ ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1, 3.5, 13.9 และ 69.4 ตามลำดับ ตลาดส่งออกหลักคือ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป อาเซียนและญี่ปุ่น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 32.0, 18.0, 12.2 5.5 ตามลำดับ 3. การนำเข้า การนำเข้าผลิตภัณฑ์สิ่งทอโดยรวมในเดือนกันยายน 2549 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนและเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 12.1 และ 1.7 โดยเส้นใยฯ นำเข้าลดลงร้อยละ 6.2 ตลาดนำเข้าหลัก คือสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และอินเดีย ผ้าผืน นำเข้าลดลงร้อยละ 4.3 ตลาดนำเข้าหลัก คือ จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น และฮ่องกง ขณะที่ด้ายทอผ้าฯ นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.2 ตลาดนำเข้าหลักคือจีน ญี่ปุ่น และไต้หวัน ผลิตภัณฑ์สิ่งทออื่นๆ นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 ตลาดนำเข้าหลักคือ จีน ญี่ปุ่น และ ฮ่องกง สำหรับเสื้อผ้าสำเร็จรูปนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 ตลาดนำเข้าหลักคือจีน ฮ่องกง และอิตาลี ขณะที่นำเข้าเครื่องจักรสิ่งทอ เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.7 ส่วนใหญ่นำเข้าจากญี่ปุ่น เยอรมนีและไต้หวัน 4. แนวโน้ม การผลิตผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูปในเดือนตุลาคม 2549 คาดว่า จะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่องจนสิ้นปี แต่ ตลาดสิ่งทอฯ ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากประเทศที่มีต้นทุนแรงงานต่ำที่เพิ่มบทบาทขึ้นในตลาดโลก และปัญหาการแข็งค่าของค่าเงินบาท อาจส่งผลให้ผู้ประกอบการแข่งขันได้ลำบากมากขึ้น อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า ประเทศญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ได้เซ็นสัญญาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) แล้ว เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2549 ที่ผ่านมาซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่ดีของผู้ผลิตเหล็กของญี่ปุ่นที่จะสามารถส่งออกเหล็กสู่ประเทศฟิลิปปินส์ได้สูงสุดถึง 511,000 ตัน นอกจากนี้ จากข้อตกลงดังกล่าวยังเป็นการลดภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กจากญี่ปุ่นถึง ร้อยละ 70 1.การผลิต ภาวะการผลิตเหล็กในช่วงเดือน ก.ย. 49 ขยายตัวขึ้นเล็กน้อย ร้อยละ 1.63 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนนี้มีค่า 136.38 เป็นผลมาจากการขยายตัวของเหล็กทรงยาว ร้อยละ 25.04 โดยเหล็กเส้นข้ออ้อย ขยายตัวมากที่สุด ร้อยละ 73.15 เหล็กเส้นกลม เพิ่มขึ้น ร้อยละ 37.33 โดยเป็น การผลิตไว้เพื่อเป็นสต๊อก เนื่องจากในช่วงเดือนตุลาคมผู้ผลิตรายหนึ่งจะหยุดการผลิตเพื่อซ่อมบำรุงเครื่องจักร นอกจากนี้ยังเก็บไว้เป็นสต๊อกสินค้าเพื่อใช้ในการบูรณะและซ่อมแซมที่อยู่อาศัย รวมไปถึงสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น ถนน หลังจากประสบปัญหาอุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศ สำหรับสถานการณ์การตลาดของเหล็กเส้นกลม พบว่า ยังคงทรงตัวอยู่เนื่องจากภาพรวมของเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงทรงตัว ประกอบกับผู้ประกอบการต่างรอความชัดเจนของนโยบายการลงทุนของรัฐ โดยเฉพาะที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ จึงทำให้ผู้ซื้อจะสั่งซื้อสินค้าเฉพาะที่ใช้เท่านั้นโดยจะไม่มีการสต๊อกสินค้าไว้ สำหรับผลิตภัณฑ์เหล็กทรงแบน การผลิตชะลอตัวลง ร้อยละ 7.93 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว โดยเหล็กแผ่นรีดเย็นลดลง ร้อยละ 14.02 และเหล็กแผ่นเคลือบโครเมียม ลดลง ร้อยละ 13.92 ขณะเดียวกันเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ภาวะการผลิตขยายตัวขึ้น ร้อยละ 6.50 โดยผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงยาว ขยายตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 18.88 โดยเหล็กลวดขยายตัว เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.50 ลวดเหล็กแรงดึงสูง ร้อยละ 19.35 สำหรับผลิตภัณฑ์เหล็กทรงแบน ขยายตัวขึ้น ร้อยละ 3.57 โดยเหล็กแผ่นเคลือบดีบุก ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 131.53 รองลงมาคือ เหล็กแผ่นเคลือบโครเมียม ร้อยละ 52.71 2.ราคาเหล็ก การเปลี่ยนแปลงของราคาเหล็ก (FOB) โดยเฉลี่ยที่สำคัญในตลาด CIS ณ ท่าทะเลดำ (Black Sea) ในช่วงเดือนตุลาคม 2549 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ราคาโดยเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์เหล็กแทบทุกตัวปรับตัวขึ้นโดยเหล็กเส้นเพิ่มขึ้นจาก 463 เป็น 480 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.78 เหล็กแผ่นรีดร้อน เพิ่มขึ้นจาก 485 เป็น 500 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.09 เหล็กแท่งเล็กบิลเล็ต เพิ่มขึ้นจาก 409 เป็น 421 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.75 เหล็กแผ่นรีดเย็นเพิ่มขึ้นจาก 560 เป็น 575 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.68 เนื่องจากยังมีความต้องการมากในแถบยุโรป ส่งผลให้ราคาเหล็กปรับตัวสูงขึ้น ขณะเดียวกันหลายตลาดในแถบยุโรปใต้ประสบปัญหาเหล็กก่อสร้างขาดตลาด เนื่องจากขนาดของคลังสินค้าของทั้งผู้ผลิตและผู้ค้ามีน้อย เมื่อความต้องการมากขึ้น จึงทำให้ปริมาณสินค้าที่สต๊อกไว้ไม่เพียงพอ 3. แนวโน้ม สถานการณ์เหล็กในเดือน ต.ค. 2549 คาดว่าทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยการผลิตเหล็กทรงยาวอาจจะขยายตัวเล็กน้อย เพื่อใช้สำหรับการซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ตลอดจนถนนต่างๆ หลังจากเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศ แต่สำหรับการลงทุนการก่อสร้างขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนยังคงชะลอตัวอยู่ สำหรับการผลิตของเหล็กทรงแบนคาดการณ์ว่าจะทรงตัว ถึงแม้ว่าความต้องการใช้ในประเทศจะมีแนวโน้มที่ลดลงแต่ผู้ผลิตได้มีนโยบายขยายการส่งออกไปยังประเทศในแถบยุโรป สหรัฐอเมริกา ซึ่งยังคงมีความต้องการอยู่ จึงถือว่าเป็นการชดเชยในส่วนของความต้องการใช้ในประเทศที่ลดลงด้วย 5. อุตสาหกรรมยานยนต์ รถยนต์ อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนกันยายน 2549 ชะลอตัวลงเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมา ทั้งด้านการผลิต และการจำหน่าย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์น้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทยส่งผลให้ผู้ผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์บางรายไม่สามารถส่งสินค้าได้ทันตามความต้องการของลูกค้า ในขณะเดียวกันเกิดการปลี่ยนแปลงทางการเมืองซึ่งส่งผลด้านจิตวิทยาต่อผู้บริโภค อย่างไรก็ตามในด้านการส่งออกยังมีแนวโน้มที่ดีเนื่องจากมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีข้อมูลสภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนกันยายน ดังนี้ - การผลิตรถยนต์ จำนวน 103,219 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2548 ซึ่งมีการผลิต 102,602 คัน ร้อยละ 0.60 แต่ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2549 ร้อยละ 2.04 - การจำหน่ายรถยนต์ จำนวน 49,383 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2548 ซึ่งมีการจำหน่าย 55,137 คัน ร้อยละ 10.44 และลดลงจากเดือนสิงหาคม 2549 ร้อยละ 7.96 - การส่งออกรถยนต์ จำนวน 49,804 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2548 ซึ่งมีการส่งออก 42,224 คัน ร้อยละ 17.95 และเพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2549 ร้อยละ 12.54 - แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนตุลาคม 2549 คาดว่า ขยายตัวขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกันยายนที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นของไตรมาสสี่ซึ่งเป็นฤดูกาลขายของปี ในขณะเดียวกันวิกฤตการณ์น้ำท่วมก็เริ่มได้รับการแก้ไขให้บรรเทาลง รถจักรยานยนต์ อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนกันยายน2549 ชะลอตัวลงเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไม่คล่องตัวจากการที่มีช่วงฤดูฝนยาวนานผิดปกติ ก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะตลาดหลักในภาคการเกษตรกรรมได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยมีข้อมูลสภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ ในเดือนกันยายน ดังนี้ - การผลิตรถจักรยานยนต์ จำนวน 159,778 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2548 ซึ่งมีการผลิต 186,671 คัน ร้อยละ 14.41 และลดลงจากเดือนสิงหาคม 2549 ร้อยละ 7.50 - การจำหน่าย จำนวน 158,415 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2548 ซึ่งมีการจำหน่าย 167,735 คัน ร้อยละ 5.56 และลดลงจากเดือนสิงหาคม 2549 ร้อยละ 4.66 - การส่งออกรถจักรยานยนต์ มีจำนวน 6,427 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2548 ซึ่งมีการส่งออก 14,025 คัน ร้อยละ 54.17 และลดลงจากเดือนสิงหาคม 2549 ร้อยละ 1.06 ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ผลิตอยู่ในช่วงของการพัฒนารถจักรยานยนต์ไทยที่จะส่งออกไปยังตลาดยุโรปให้มีคุณภาพที่สอดคล้องกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ใหม่ของยุโรป ซึ่งคาดว่าปริมาณการส่งออกจะเริ่มดีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมนี้ - แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนตุลาคม 2549 คาดว่าขยายตัวจากเดือนกันยายน 2549 เนื่องจากปัญหาอุทกภัยเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น รวมทั้งผู้ผลิตได้ออกมาตรการส่งเสริมทางการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขาย 6.อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ "การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศลดลง เนื่องจากยังอยู่ในช่วงฤดูฝนทำให้เป็นอุปสรรคในการก่อสร้าง สำหรับการส่งออกเพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในตลาดหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา และประเทศเทศเพื่อนบ้านในแถบอาเซียนเพิ่มขึ้น" 1.การผลิตและการจำหน่ายในประเทศ การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ ในประเทศ เดือนกันยายน 2549 เทียบกับเดือนก่อน ลดลงร้อยละ 3.26 และ 5.63 ตามลำดับ เนื่องจาก ยังอยู่ในช่วงฤดูฝนและเกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ทำให้เป็นอุปสรรคในการก่อสร้าง แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตและการจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.85 และ 6.77 ตามลำดับ ซึ่งเป็นการขยายตัวในทิศทางที่ชะลอตัวลง เนื่องจากได้รับปัจจัยกดดันทั้งราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ย ที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว ส่งผลให้ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ไม่ขยายตัวมากเท่าที่ควร 2.การส่งออก มูลค่าการส่งออกปูนซีเมนต์เดือนกันยายน 2549 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.77 เนื่องจากในเดือนก่อนความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในตลาดหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ลดลงมาก แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนลดลงร้อยละ 9.56 3.แนวโน้ม ในเดือนตุลาคม และเดือนพฤศจิกายน 2549 คาดว่าการผลิตและการจำหน่ายในประเทศจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการของตลาดที่เริ่มสูงขึ้นในไตรมาส 4 เพราะอยู่ในช่วงฤดูกาลก่อสร้าง รวมทั้งสภาพน้ำท่วมในหลายพื้นที่น่าจะเริ่มคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น จะส่งผลให้ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์เพื่อใช้ในการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น สำหรับการส่งออกคาดว่าจะมีแนวโน้มทรงตัว เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐอเมริกายังอยู่ในภาวะชะลอตัว 7. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ - ภาวะการผลิตและการส่งออกสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในเดือนก.ย.49 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ14 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ HDD - แนวโน้มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในเดือนต.ค.คาดว่ายังจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากเดือนก.ย.จากสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคาดว่ายังจะมียอดการผลิตที่สูงตามภาวะความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นของตลาด 1.การผลิต ภาวะการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของเดือนกันยายน 2549 ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 264 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 14 เป็นผลจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เป็นส่วนใหญ่ เช่น HDD และ IC เป็นต้น เนื่องจากเป็นชิ้นส่วนสำคัญในการประกอบการใน Consumer Electronics หลายชนิดประกอบกับในช่วงไตรมาส 3 และเริ่มเข้าสู่ไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงสูงสุดของการผลิตเพื่อขายในช่วงปลายปี และปัจจุบัน HDD เป็นอุปกรณ์ที่นำไปใช้ในอุปกรณ์ Consumer Electronics มากขึ้น เช่น กล้องบันทึกภาพที่มีไม่ต้องใช้เทปหรือแผ่น CD 2. การส่งออก (ยังมีต่อ)