จากที่นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ(ศธ.) ประกาศนโยบายและแนวปฏิบัติการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2554 โดยย้ำนโยบายชัดเจน ไม่รับเด็กฝาก เพื่อให้โอกาสเด็กทุกคนได้เข้าเรียน โดยเน้นคุณภาพของผู้เรียน คุณภาพของสถานศึกษาและสัดส่วนที่เหมาะสมในแต่ละโรงเรียน และจะต้องมีการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจที่ตรงกันให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการสะท้อนความคิดเห็น “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จึงได้สอบถามความคิดเห็นจากผู้ปกครองที่มีบุตรหลานอยู่ในวัยเรียน ทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 2,349 คน ระหว่างวันที่ 20-23 ธันวาคม 2553 สรุปผลได้ดังนี้
1. ความคิดเห็นของผู้ปกครองที่มีต่อนโยบายห้ามรับเด็กฝาก ของ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
อันดับ 1 เป็นนโยบายที่ดี ควรมีมานานแล้ว /ทำให้เด็กทุกคนมีโอกาส มีสิทธิที่จะได้เรียนอย่างเท่าเทียมกัน 34.79%
อันดับ 2 ต้องอาศัยความร่วมมือ ร่วมใจจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะนายกฯ รมต. ผู้บริหารของกระทรวง
ศธ.ผอ.รร. ครู อาจารย์ และผู้ปกครอง ฯลฯ จึงจะสำเร็จได้ 22.62%
อันดับ 3 เป็นการวัดความสามารถ ทักษะ ความรู้ของเด็กอย่างแท้จริง 16.81%
อันดับ 4 เป็นเรื่องยากที่จะควบคุมดูแลเรื่องฝากเด็กที่มีอยู่ในสังคมไทยมานานให้หมดไป ต้องใช้เวลา
ในการปรับเปลี่ยนทัศนคติ ค่านิยมของหลายๆฝ่ายที่เกี่ยวข้อง 15.70%
อันดับ 5 เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพการเรียนการสอนและมาตรฐานของการศึกษาไทย 10.08%
2. ความพึงพอใจของผู้ปกครองต่อนโยบายห้ามรับเด็กฝาก ของ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
อันดับ 1 พึงพอใจมาก 54.26%
เพราะ เป็นปัญหาที่มีมานาน ,ทาง ศธ.เล็งเห็นถึงความสำคัญและมั่นใจว่าทุกฝ่ายจะปฏิบัติตามได้ , ส่งผลให้การศึกษาไทยมีคุณภาพมากขึ้น ฯลฯ
อันดับ 2 ค่อนข้างพึงพอใจ 37.84%
เพราะ รัฐบาลให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ , รมต.ศธ. เป็นผู้ออกมาประกาศนโยบายด้วยตนเองอย่างชัดเจนและ
เอาจริงเอาจัง , เด็กทุกคนมีสิทธิ มีโอกาสเท่าเทียมกัน ฯลฯ
อันดับ 3 ไม่ค่อยพึงพอใจ 5.27%
เพราะ ทำให้เด็กบางคนที่สอบไม่ได้ หมดโอกาสเข้าเรียนใน รร. ที่ต้องการ , รร.ขาดงบพัฒนา ฯลฯ
อันดับ 4 ไม่พึงพอใจเลย 2.63%
เพราะ เป็นการนำประเด็นที่สังคมให้ความสนใจมากำหนดเป็นนโยบายเพื่อสร้างกระแส ,อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ฯลฯ
3. ความมั่นใจของผู้ปกครองที่มีต่อนโยบายห้ามรับเด็กฝาก ของ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย
อันดับ 1 ไม่มั่นใจ 66.42%
เพราะ เป็นปัญหาที่มีมานานและไม่เคยได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง , ความไม่แน่นอนทางการเมืองอาจส่งผลต่อการ
สานต่อนโยบาย ฯลฯ
อันดับ 2 ไม่แน่ใจ 21.05%
เพราะ เป็นเรื่องท้าทายที่หลายคนมองว่าอาจทำไม่สำเร็จ ,เป็นปัญหาที่ฝังรากลึกมานาน ,เด็กฝากมีทุกที่ ทุกสายงาน ฯลฯ
อันดับ 3 มั่นใจ 12.53%
เพราะ เป็นเรื่องที่หลายๆฝ่ายให้ความสนใจและให้ความสำคัญ , เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การศึกษาไทยไม่พัฒนา ฯลฯ
4. บุคคลที่คิดว่ามีส่วนสำคัญที่จะทำให้นโยบายนี้สำเร็จได้
อันดับ 1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ 31.14%
อันดับ 2 ผู้อำนวยการโรงเรียน 25.78%
อันดับ 3 ผู้มีอำนาจบารมี /นักการเมือง 22.12%
อันดับ 4 ผู้ปกครอง 20.96%
5. จากนโยบายและแนวปฏิบัติการรับนักเรียน ในปีการศึกษา 2554 ที่กำหนดจำนวนนักเรียนต่อห้อง
ไม่เกิน 50 คน ผู้ปกครองคิดว่ามีผลต่อประสิทธิภาพการเรียนการสอนหรือไม่?
อันดับ 1 มีผล 76.63%
เพราะ ความใกล้ชิด การดูแลอย่างทั่วถึงระหว่างครูและเด็กมีมากขึ้น , เปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงความคิดเห็น
ความสามารถในการเรียนรู้มากขึ้น ฯลฯ
อันดับ 2 ไม่มีผล 14.82%
เพราะ ขึ้นอยู่กับความตั้งใจ สนใจเรียนของเด็ก /การดูแลเอาใจใส่ของครูผู้สอน /มาตรฐานของหลักสูตรการเรียนการสอน ฯลฯ
อันดับ 3 ไม่แน่ใจ 8.55%
เพราะ คงจะต้องรอดูสักระยะ ,การเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยหลายๆปัจจัยด้วยกัน ฯลฯ
6. “วิธีแก้ปัญหา” เด็กฝาก ในทัศนะของผู้ปกครอง คือ
อันดับ 1 ผู้บริหารต้องเอาจริง เอาจัง เข้มงวดกวดขันในการปฏิบัติตามนโยบายที่ได้ประกาศไว้ 28.11%
อันดับ 2 ยกระดับคุณภาพการเรียนการสอนของทุกโรงเรียนให้มีมาตรฐานเดียวกัน 24.67%
อันดับ 3 ทุกๆฝ่ายต้องร่วมมือกันเพื่อให้เด็กที่สอบแข่งขันได้รับความเป็นธรรมและถูกต้อง 19.28%
อันดับ 4 กระทรวงศึกษาธิการจะต้องประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ทุกฝ่ายเพื่อเปลี่ยนค่านิยมเรื่องเด็กฝาก 14.40%
อันดับ 5 มีบทลงโทษสำหรับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามนโยบายที่ได้ประกาศไว้ โดยเฉพาะ ผอ.รร. /ครู อาจารย์ 13.54%
--สวนดุสิตโพลล์--
-พห-