จากที่พรรคเพื่อไทยรวมพรรคการเมือง 6 พรรค ตั้งรัฐบาล 300 เสียง เพื่อความมั่นใจต่อเสถียรภาพและความมั่นคงของรัฐบาลชุดนี้ยิ่ง ขึ้น และการคาดการณ์ถึงคณะรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ 1 โดยจัดสรรตามสัดส่วนของจำนวน ส.ส.แต่ละพรรคร่วมตามความเหมาะสม หากคำนวณตามคะแนน เสียงที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาพรรคเพื่อไทยจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีมากที่สุด ในขณะที่พรรคร่วมต่าง ๆ จะได้รับการจัดสรรตามโควตาตามสัดส่วนกัน ไป “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จึงได้สอบถาม ความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศ กรณี “การจัดตั้งรัฐบาล” และ “จัดสรร รัฐมนตรี” จำนวนทั้งสิ้น 1,561 คน ระหว่างวันที่ 7-9 กรกฎาคม 2554 สรุปผลได้ดังนี้
เพราะ เพื่อความมั่นคงและเสถียรภาพของรัฐบาล ,จะได้เดินหน้าทำงานตามนโยบายที่สัญญาไว้กับประชาชน ฯลฯ
อันดับ 2 ไม่เห็นด้วย 27.35%เพราะ เป็นการผูกขาดทางการเมือง ,ฝ่ายค้านไม่สามารถทำหน้าที่ตรวจสอบหรือถ่วงดุลอำนาจของรัฐบาลได้อย่างเต็มที่ ฯลฯ
อันดับ 3 ไม่แน่ใจ 17.27%เพราะ การที่มีพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งหรือมีความเห็นไม่ตรงกัน , ควรดูกันที่ผลงานและความตั้งใจในการทำงานมากกว่า ฯลฯ
เพราะ เป็นเรื่องปกติทางการเมืองที่รัฐบาลต้องกุมเสียงข้างมากไว้ เพื่อเสถียรภาพของรัฐบาล , การเมืองปัจจุบันถ้าบริหารไม่ดีหรือขาดความโปร่งใส สังคมก็จะเป็นผู้ตัดสินเอง ฯลฯ
อันดับ 2 เป็นเผด็จการรัฐสภา 35.06%เพราะ เป็นความตั้งใจของพรรคเพื่อไทยที่ต้องการกุมเสียงข้างมากในสภาไว้ ,ทำให้ไม่สามารถคัดค้านหรือถ่วงดุลอำนาจ ของรัฐบาลได้ ฯลฯ
เพราะ รัฐบาลชุดนี้มีคนที่มีฝีมือ มีความรู้ความสามารถจำนวนมาก เชื่อว่ารัฐบาลจะบริหารประเทศได้ตามที่สัญญาไว้ ฯลฯ
อันดับ 2 มั่นใจมาก 28.48%เพราะ การเลือกตั้งครั้งนี้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เป็นการพิสูจน์ฝีมือของว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของรัฐบาลชุดใหม่ ฯลฯ
อันดับ 3 ไม่ค่อยมั่นใจ 25.11%เพราะ จากกระแสข่าวรัฐบาลชุดใหม่เริ่มมีปัญหาหรือความขัดแย้งภายในกันเอง มีการเรียกร้องตำแหน่งรัฐมนตรี ให้กับกลุ่มคนบางกลุ่ม ฯลฯ
อันดับ 4 ไม่มั่นใจเลย 17.04%เพราะ สถานการณ์ทางการเมืองไทยทุกวันนี้ยังคงเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ยังมีคนบางกลุ่มที่เรียกร้องหรือไม่ต้องการ ให้รัฐบาลชุดนี้บริหารประเทศ ฯลฯ
เพราะ ควรพิจารณาตามคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถของผู้ที่จะเข้ามารับตำแหน่งในแต่ละกระทรวง , อยากให้พรรคร่วมแต่ละพรรคคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก ไม่ยึดติดกับเก้าอี้ ฯลฯ
อันดับ 2 ควรจัดสรรตามโควต้า 43.76%เพราะ เป็นมารยาททางการเมืองที่ปฏิบัติกันมา เพื่อป้องกันความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาล ฯลฯ