จากที่นายกฯยิ่งลักษณ์ได้สรุป 7 แนวทางปฏิรูปประเทศ โดยมีการประชุมและรวบรวมข้อคิดเห็นต่างๆ จากทุกภาคส่วนและผลการศึกษาทั้งหมด เพื่อเป็นโจทย์ในการทำแผนแม่บทการปฏิรูปการเมืองของประเทศซึ่งแต่ละด้านจะต้องกำหนดแนวทางการแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยาวของประเทศ จากการนำเสนอแนวทางปฏิรูปประเทศของนายกฯครั้งนี้ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในภาพรวม อันเป็นฐานข้อมูลที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศ “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 1,154 คน ระหว่างวันที่ 27-30 สิงหาคม 2556 สรุปผลดังนี้
7 แนวทางปฏิรูปประเทศของนายกฯยิ่งลักษณ์ ที่ประชาชนเห็นด้วยมากที่สุด
อันดับ 1 ความยุติธรรม ความเสมอภาคเท่าเทียมในสิทธิขั้นพื้นฐาน 85.64%
เพราะ ยังมีประชาชนเป็นจำนวนมากที่ถูกปล่อยปะละเลย ภาครัฐให้การช่วยเหลือดูแลไม่ทั่วถึง
ถูกเอารัดเอาเปรียบ ไม่ได้รับความเป็นธรรมในสังคม ไม่ได้รับสิทธิต่างๆที่ควรจะมี ฯลฯ
อันดับ 2 ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข มีความมั่นคง 83.94%
เพราะ เป็นสถาบันที่มีความสำคัญและเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งประเทศ
ทุกคนควรเคารพและยึดปฏิบัติตามกฎหมายของบ้านเมือง อยากเห็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์เข้มแข็ง ฯลฯ
อันดับ 3 การทำงานที่โปร่งใสตรวจสอบได้ตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี 80.29%
เพราะ การทุจริตคอรัปชั่นเป็นปัญหาเรื้อรังของสังคมไทยที่มีมานาน ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ
หากมีการตรวจสอบที่ชัดเจน ตรงไปตรงมา ไม่บิดเบือนข้อมูล ก็จะส่งผลดีต่อประเทศในภาพรวม ฯลฯ
อันดับ 4 ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม 74.45%
เพราะ สังคมไทยยังคงมีการแบ่งชนชั้น ความแตกต่างทางฐานะ คนรวย-คนจน การถูกเอารัดเอาเปรียบ
เลือกปฏิบัติ ไม่ได้รับความยุติธรรม ฯลฯ
อันดับ 5 ยึดผลประโยชน์ส่วนรวมบนความถูกต้อง 67.40%
เพราะ เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรยึดปฏิบัติ โดยเฉพาะข้าราชการ นักการเมืองซึ่งมักเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตน
การใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิด ช่วยเหลือพวกพ้อง ไม่สนใจที่จะช่วยเหลือดูแลประชาชน ฯลฯ
อันดับ 6 การมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ยึดเสียงส่วนใหญ่ รับฟังเสียงส่วนน้อย 67.15%
เพราะ ประชาชนทุกคนมีสิทธิมีเสียงเหมือนกัน ควรเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้แสดงความคิดเห็นและรับฟัง
ทุกๆข้อแนะนำ จะได้รับรู้ปัญหาที่แท้จริง มีความเข้าใจที่ชัดเจน ตรงกัน จะได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ฯลฯ
อันดับ 7 สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ และบรรยากาศที่ดีของการไว้วางใจกัน 52.80%
เพราะ ความแตกต่างทางความคิด การทะเลาะเบาะแว้งแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลต่อบ้านเมือง
หากทุกฝ่ายร่วมมือร่วมใจ สมัครสมานสามัคคีมีความจริงใจต่อบ้านเมืองก็จะทำให้บรรยากาศของบ้านเมือง
และภาพลักษณ์ของประเทศดีขึ้น ฯลฯ
--สวนดุสิตโพลล์--