สวนดุสิตโพลล์: การวิพากษ์/วิจารณ์ “การเมืองไทย” ในทัศนะประชาชน

ข่าวผลสำรวจ Monday October 21, 2013 07:45 —สวนดุสิตโพล

ที่นายธีรยุทธ์ บุญมี และนายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์การเมืองไทยในโอกาสครบรอบ 40 ปี 14 ตุลา ต่างเป็นที่จับตามองและเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของกลุ่มคนต่างๆในสังคมอย่างกว้างขวาง การวิพากษ์วิจารณ์ที่รุนแรงหรือมุ่งเน้นแต่ความคิดเห็นของตนเองเป็นสำคัญโดยไม่พิจารณาข้อมูลให้รอบด้านอาจส่งผลกระทบตามมาภายหลังได้ เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จึงได้สอบถามความคิดเห็นของประชาชนในกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น 1,136 คน ระหว่างวันที่ 15-18 ตุลาคม 2556 สรุปผลดังนี้

1. ความคิดเห็นของประชาชน กรณี “การวิพากษ์วิจารณ์ การเมืองไทย” ณ วันนี้
อันดับ 1   ไม่เป็นกลาง บิดเบือนจากข้อเท็จจริง                                                      34.25%
อันดับ 2   มีการกระทบกระทั่งรุนแรงมากขึ้น ใช้คำพูดเสียดสี หยาบคาย                                     28.73%
อันดับ 3   ต้องการสร้างกระแสให้กับตนเองและให้สังคมหันมาสนใจ                                        19.89%
อันดับ 4   มีลักษณะการพูดโน้มน้าว ชี้นำ ให้ประชาชนเชื่อหรือคล้อยตาม                                     11.60%
อันดับ 5   ควรนำเสนอวิธีแก้หรือทางออกที่เป็นรูปธรรมด้วย                                               5.53%

2. จากกลุ่มบุคคลต่อไปนี้ ประชาชน “ชอบ” “การวิพากษ์วิจารณ์ การเมืองไทย” ของใคร? มากที่สุด
อันดับ 1   ประชาชนทั่วไป                                                                      79.58%
เพราะ เป็นกลุ่มคนที่สะท้อนปัญหาออกมาได้ดี นักการเมืองสามารถนำมากำหนดนโยบาย
แนวทางการแก้ปัญหาต่างๆได้ตรงจุด ฯลฯ
อันดับ 2   สื่อมวลชน                                                                          76.76%
เพราะ มีข้อมูลละเอียด เจาะลึก เกาะติดสถานการณ์หรือเหตุการณ์ต่างๆอย่างต่อเนื่อง ฯลฯ
อันดับ 3   นักวิชาการ                                                                         73.24%
เพราะ มีอิสระในการแสดงความคิดเห็น มีความรู้ความสามารถ ทฤษฎีและข้อมูลที่ได้มาจากการศึกษา ฯลฯ
อันดับ 4   เอกชน /องค์กรอิสระ                                                                 69.72%
เพราะ เป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบหากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ไม่เข้าข้างใคร
ไม่ถูกชี้นำทางความคิด ฯลฯ
อันดับ 5   ข้าราชการ                                                                         59.15%
เพราะ เป็นผู้ปฏิบัติตามนโยบายที่ได้รับมอบหมาย รู้และเข้าใจปัญหาการเมืองดี ฯลฯ
อันดับ 6   นักการเมือง                                                                        53.52%
เพราะ  มีรูปแบบ ลีลาการวิพากษ์วิจารณ์ที่น่าสนใจ สร้างสีสันได้ดี ฯลฯ

3.  “จุดเด่น” การวิพากษ์วิจารณ์ การเมืองไทย ณ วันนี้ คือ
อันดับ 1   การวิพากษ์วิจารณ์ส่วนใหญ่จะหยิบยกประเด็นหรือเรื่องที่สังคมสนใจที่กำลังอยู่ในกระแสมาพูด              32.50%
อันดับ 2   คนในสังคมปัจจุบันสามารถร่วมแสดงความคิดเห็นได้จากหลายช่องทาง โดยเฉพาะโซเชียลมีเดียส์
         มีบทบาทมากขึ้น                                                                     21.25%
อันดับ 3   เป็นอิสระ เปิดกว้าง สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างเต็มที่                                      19.38%
อันดับ 4   เน้นการดึงจุดอ่อน ข้อบกพร่องหรือสิ่งที่ผิดพลาดมาพูด                                          15.00%
อันดับ 5   ผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ส่วนใหญ่เป็นนักวิชาการ หรือผู้ที่มีชื่อเสียงมีความรู้ความสามารถ
         ได้รับการยอมรับจากสังคม                                                             11.87%

4.  “จุดอ่อน” การวิพากษ์วิจารณ์ การเมืองไทย ณ วันนี้ คือ
อันดับ 1   บางครั้งการออกมาวิพากษ์วิจารณ์เร็วเกินไป ทำให้ขาดการรับฟังข้อมูลข่าวสารที่ไม่ครบถ้วนหรือรอบด้าน    39.18%
อันดับ 2   เป็นการออกมาโจมตี ตอกย้ำ มากกว่าเน้นเรื่องเหตุและผล                                    20.52%
อันดับ 3   เป็นการสร้างความวุ่นวายให้กับสังคมมากขึ้น ประชาชนอาจเกิดการเข้าใจผิด                       16.79%
อันดับ 4   การออกมาพูดเพื่อความสนุกปาก สะใจ โดยไม่สนใจผลที่จะตามมา                               13.43%
อันดับ 5   เป็นการพูดเพื่อหวังผลประโยชน์หรือทำเพื่อพวกพ้องมากกว่า                                    10.08%

5. ทำอย่างไร? “การวิพากษ์วิจารณ์ การเมืองไทย” จึงจะเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ
อันดับ 1   วิพากษ์วิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ เน้นเนื้อหาสาระและข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์                      30.41%
อันดับ 2   ต้องเป็นกลาง ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ใช้ความคิดเห็นของตนเองเป็นหลัก                     25.15%
อันดับ 3   ต้องคำนึงถึงส่วนรวมเป็นสำคัญ และไม่สร้างความวุ่นวายให้กับสังคม                              20.47%
อันดับ 4   ควรให้คำแนะนำ ชี้แนะแนวทาง วิธีการแก้ไขหรือทางออกที่เป็นรูปธรรมชัดเจน                      17.54%
อันดับ 5   ต้องมีสติ ใช้เหตุผล มีวิจารณญาณในการรับฟังข้อมูลข่าวสาร  ไม่ด่วนสรุป                           6.43%

--สวนดุสิตโพลล์--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ