วันที่ 31 พฤษภาคม ของทุกปี เป็น “วันงดสูบบุหรี่โลก” โดยปีนี้มีการจัดกิจกรรม รณรงค์เหมือนเช่นเคย โดยเชิญชวนให้ประชาชนเลิก บุหรี่ ตระหนักถึงความรุนแรงพิษภัยต่อสุขภาพที่เกิดจากบุหรี่ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จึงได้สำรวจความคิด เห็นของประชาชน ทุกสาขาอาชีพทั้งผู้ที่สูบบุหรี่ ผู้ที่มีคนใกล้ชิดสูบ และผู้ที่ไม่มีคนใกล้ชิดสูบในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น 1,092 คน ระหว่างวันที่ 28-31พฤษภาคม 2552 สรุปผลได้ดังนี้
- มีเพียงผู้ที่สูบบุหรี่ เห็นว่า การสูบบุหรี่เป็นสิทธิส่วนบุคคล /อยากจะเลิกแต่เลิกไม่ได้ มาเป็นอันดับแรก
- มีเพียงผู้ที่ไม่มีคนใกล้ชิดสูบบุหรี่ เห็นว่า เหตุผลที่ทำให้สูบบุหรี่ คือ รู้สึกผ่อนคลาย
มาเป็นอันดับแรก
เพราะ ในแต่ละวันมีการกำหนดไว้ว่าต้องสูบกี่มวนและไม่ส่งผลกระทบต่อเงินที่มีอยู่ ,ไม่ได้เป็นการสิ้นเปลืองมากเกินไป ,ไม่ได้สูบเป็น
ประจำ ,ยังคงสูบต่อไป ฯลฯ
2 ไม่แน่ใจ 37.08% 25.87% 36.32% 49.04%เพราะ ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจ /รายได้ส่วนตัว ,ขึ้นอยู่กับผู้ที่สูบบุหรี่มากกว่าว่าราคามีผลหรือไม่หรือต้องการของที่จะสูบต่อไป ฯลฯ
3 มีผล 21.64% 17.88% 18.48% 28.57%เพราะ ทำให้ปริมาณการสูบบุหรี่ในแต่ละวันลดน้อยลง ,สภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันไม่เอื้ออำนวย ,เป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายให้มากขึ้น ฯลฯ * มีเพียงผู้ที่ไม่มีคนใกล้ชิดสูบบุหรี่ที่ตอบว่า “ไม่แน่ใจ” ว่าการขึ้นราคาบุหรี่มีผลที่จะทำให้การสูบบุหรี่ลดลง มาเป็นอันดับแรก
- มีเพียงผู้ที่ไม่มีคนใกล้ชิดสูบบุหรี่ที่ตอบว่าอยากให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์
ถึงพิษภัยบุหรี่ให้มากมาเป็นอันดับแรก
เพราะ ทำให้ผู้ที่สูบได้รับผลกระทบโดยตรงจากการสูบบุหรี่ ,ทำให้สุขภาพ ร่างกายเสื่อมโทรม ฯลฯ
2 เป็นภัยต่อคนรอบข้าง 25.54% 19.53% 35.65% 21.43%เพราะ กลิ่นควันที่ปล่อยออกมาเป็นการรบกวนคนรอบข้าง ,ทำให้คนใกล้ตัวมีสุขภาพที่แย่ลง ,ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ฯลฯ
3 เป็นภัยต่อส่วนรวม 11.39% 6.25% 13.64% 14.28%เพราะ ทำให้คุณภาพชีวิตของคนในสังคมแย่ลง ,ทำให้รัฐต้องสูญเสียค่ารักษาพยาบาลจำนวนมาก ,ส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ ฯลฯ
- ทุกกลุ่มเห็นเหมือนกันว่า การสูบบุหรี่เป็นภัยเฉพาะตัวมากที่สุด
--สวนดุสิตโพล--