ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 10 พฤศจิกายน 2553 - 16 พฤศจิกายน 2553
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 10-13 พ.ย. อากาศหนาวทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส และในช่วงวันที่ 14-16 พ.ย. มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง และอุณหภูมิลดลง 1-3 องศาเซลเซียส ระยะนี้อากาศหนาวเย็น เกษตรกรควรรักษาสุขภาพของตนเอง และดูแลสัตว์เลี้ยงให้อบอุ่นเพียงพอ โดยเพิ่มดวงไฟในโรงเรือนและทำแผงกำบังลมหนาว
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 10-13 พ.ย. อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 9-15 องศาเซลเซียส โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 14-16 พ.ย. มีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ต่อจากนั้นอุณหภูมิลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ระยะนี้อากาศหนาวเย็น เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย สำหรับเกษตรกรที่จุดไฟผิงให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายควรดับไฟให้สนิททุกครั้ง เพราะช่วงนี้ลมพัดแรงอาจทำให้เกิดอัคคีภัยได้ง่าย สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์ที่อ่อนแอไม่ให้เจ็บป่วยได้ง่าย
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 10-13 พ.ย. อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-14 องศาเซลเซียส และในช่วงวันที่ 14-16 พ.ย. มีฝนเล็กน้อยบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ในระยะแรก ต่อจากนั้นอุณหภูมิลดลง 1-3 องศาเซลเซียส เกษตรกรควรระวังผลผลิตทางการเกษตรที่ตากไว้กลางแจ้งอาจเสียหายจากฝนที่ตกในช่วงวันที่ 14-16 พ.ย. สำหรับเกษตรกรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมควรรักษาร่างกายให้แห้งและอบอุ่นอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 10-13 พ.ย. อากาศเย็นทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศาเซลเซียส และมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนมากตามบริเวณชายฝั่ง ส่วนในช่วงวันที่ 14-16 พ.ย. มีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ในระยะแรกต่อจากนั้นอุณหภูมิลดลง 1-2 องศาเซลเซียส เนื่องจากช่วงนี้อากาศเย็นและมีลมแรง เกษตรกรควรซ่อมแซมโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ให้มิดชิด เพื่อป้องกันลมหนาวให้แก่สัตว์เลี้ยง สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชไร่หลังจากเก็บเกี่ยวข้าว สามารถปลูกได้ในระยะนี้เนื่องจากความชื้นในดินมีเพียงพอ และควรบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่ให้พอใช้ตลอดช่วงแล้ง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ทางฝั่งตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 10-11 พ.ย. มีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองกระจาย โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 10-11 พ.ย. มีฝนตกหนักบางแห่ง ในช่วงที่มีฝนตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ เกษตรกรที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดจากสภาวะดังกล่าว อนึ่ง บริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นลมแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 10-11 พ.ย.
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74