พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 26 พฤศจิกายน 2553 - 02 ธันวาคม 2553

ข่าวทั่วไป Friday November 26, 2010 14:46 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 26 พฤศจิกายน 2553 - 02 ธันวาคม 2553

ภาคเหนือ

ระยะนี้อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 17-23 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส ระยะนี้สภาพอากาศแห้ง เกษตรกรควรคลุมบริเวณแปลงปลูกพืช ด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อลดการระเหยของน้ำจากผิวดิน รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่นเพลี้ยและไรชนิดต่างๆซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ต้นพืชทรุดโทรม ส่งผลต่อการผลิดอกออกผลของพืช นอกจากนี้ควรใช้น้ำ อย่างประหยัด และวางแผนการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ตลอดช่วงแล้ง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 26-28 พ.ย. อุณหภูมิลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-23 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส และในช่วงวันที่ 29 พ.ย. -2 ธ.ค. อุณหภูมิสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส ในระยะนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ระยะต่อไปปริมาณฝนจะลดลง ผู้ที่ต้องการปลูกพืชหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวนาปีควรเลือกปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย เพื่อลดความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำของพืช รวมทั้งควรระวังป้องกันศัตรูพืชจำพวกเพลี้ย และไร ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ต้นทรุดโทรม ผลผลิตลดลง

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 26-28 พ.ย. อุณหภูมิลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศาเซลเซียส และในช่วงวันที่ 29พ.ย. -2ธ.ค. อุณหภูมิสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ เนื่องจากระยะนี้อากาศแห้ง น้ำระเหยมากประกอบกับระยะต่อไปปริมาณฝนจะลดลง เกษตรกรควรใช้น้ำอย่างประหยัด โดยให้น้ำแก่พืชครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยครั้งขึ้น หากเป็นไปได้ควรให้น้ำตอนกลางคืน เพราะจะลดการระเหยของน้ำ จากผิวดิน สำหรับผู้ที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรมีน้ำสำรองไว้ให้พืชตลอดระยะการเจริญเติบโต เพื่อลดความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำของพืช ในช่วงแล้งระยะต่อไป

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 26-28 พ.ย. อุณหภูมิลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส และในช่วงวันที่ 29พ.ย.--2 ธ.ค. อุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ในช่วงที่สภาพอากาศแห้งและมีหมอกในตอนเช้า เกษตรกรควรระวังและป้องกัน ศัตรูพืชจำพวกปากดูด ซึ่งจะดูดกิน น้ำเลี้ยงจากส่วนที่อ่อนของพืช แล้วถ่ายมูลออกมา เป็นสาเหตุของราดำหากพบควรฉีดน้ำเพื่อลด การระบาดของศัตรูพืชและโรคดังกล่าว นอกจากนี้ เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้งข้ามคืนเพราะอาจเปียกชื้นเสียหายเนื่องจากหมอกและน้ำค้าง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ทางฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 26-28 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่งตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลงไป และในช่วงวันที่ 29พ.ย.--2 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ส่วนทางฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 26-28 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง ในช่วงวันที่ 29พ.ย.-2 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย สำหรับเกษตรกรที่ปลูกพืชสวนโดยเฉพาะทางตอนล่างของภาค ควรดูแลสภาพสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นสะสมภายในสวนป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ส่วนทางตอนบนของภาค ซึ่งมีปริมาณฝนน้อย เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด และวางแผนการใช้น้ำให้เหมาะสม เพื่อจะได้ มีน้ำใช้ในช่วงที่ฝนลดลง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ