พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 7 - 13 มกราคม 2554

ข่าวทั่วไป Friday January 7, 2011 14:16 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 07 มกราคม 2554 - 13 มกราคม 2554

ภาคเหนือ

มีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ ทางตอนบนอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-9 องศาเซลเซียส สำหรับในช่วงวันที่ 7-9 ม.ค. มีฝนบางแห่ง ทางตอนบนกับด้านตะวันตกของภาค และในช่วงวันที่ 10-13 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร สำหรับสภาพอากาศที่แห้งในระยะนี้ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด โดยเฉพาะไม้ผลที่อยู่ในระยะแตกตาดอก ศัตรูพืชดังกล่าวจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ตาดอกเหี่ยวแห้ง การออกดอกและติดผลลดลง อนึ่งในช่วงวันที่ 7-9 ม.ค. อาจมีฝนบางแห่งทางตอนบนและด้านตะวันตกของภาค เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

มีหมอกในตอนเช้ากับมีลมแรง ทางตอนบนอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด ประมาณ 12-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-14 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 12-13 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส และมีลมแรง เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ควรทำแผงกำบังลมหนาวให้แก่สัตว์เลี้ยง รวมทั้งเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ ส่วนผู้ที่จุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย เมื่อใช้งานเสร็จแล้วควรดับให้สนิททุกครั้ง เพื่อป้องกันการลุกลามเป็นอัคคีภัย ระยะนี้สภาพอากาศแห้งและมีลมแรง น้ำระเหยมาก เกษตรกรควรคลุมบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการรระเหยของน้ำจากผิวดิน

ภาคกลาง

อากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้า กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาวอุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศาเซลเซียส ในช่วงที่อุณหภูมิลดลง เกษตรกรควรที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรรลดปริมาณอาหาร เนื่องจากอุณหภูมิที่ต่ำจะทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย ส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย ระยะนี้สภาพอากาศแห้งและมีลมแรง น้ำระเหยได้มาก เกษตรกรจึงควรให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม ทดแทนการขาดน้ำ ซึ่งจะส่งผลให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตด้อยคุณภาพ

ภาคตะวันออก

อากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้า กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศาเซลเซียส เนื่องจากระยะนี้ปริมาณฝนมีน้อย เกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรตลอดช่วงแล้ง สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอกหากเห็นดอกชัดเจนแล้ว ชาวสวนจึงค่อยเริ่มให้น้ำโดยให้ในปริมาณที่น้อยก่อนแล้วค่อยเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้ดอกร่วงหล่น การติดผลลดลง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ฝั่งตะวันออกอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 7-9 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง และในช่วงวันที่ 10-13 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ส่วนทางฝั่งตะวันตกอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึง กระจาย ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ตลอดช่วง ระยะนี้ทางตอนบนของภาคจะมีฝนน้อย เกษตรกรจึงควรให้น้ำแก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตอย่างพอเพียง ส่วนทางตอนล่างของภาคโดยเฉพาะในช่วงวันที่ 7-9 ม.ค.ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าใหลหลาก ส่วนบริเวณที่มีฝนตกชุก เกษตรกรควรปรับสภาพสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา อนึ่งระยะนี้บริเวณอ่าวไทยตอนล่างอาจมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่งควรระวังป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ ส่วนเรือเล็กในอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ