พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 24 กุมภาพันธ์ 2555 - 01 มีนาคม 2555

ข่าวทั่วไป Monday February 27, 2012 07:00 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 24 กุมภาพันธ์ 2555 - 01 มีนาคม 2555

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 24-28 ก.พ. มีหมอกในตอนเช้าและอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-11 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 29 ก.พ.-1 มี.ค. มีหมอกในตอนเช้าและอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70%

  • ช่วงนี้อุณหภูมิในตอนกลางวันและกลางคืนแตกต่างกันมาก อาจทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • สภาพอากาศแห้ง ไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอกและติดผลอ่อน โดยเฉพาะลิ้นจี่และลำไย อาจมีศัตรูพืช เช่น มวนลำไย และไรแดง ระบาดทำลาย ชาวสวนควรป้องกันกำจัดศัตรูพืชดังกล่าว
  • เนื่องจากระยะต่อไปเป็นช่วงฤดูร้อน ปริมาณฝนจะมีน้อย เกษตรกรบริเวณนอกเขตชลประทานควรใช้น้ำที่เก็บกักเอาไว้อย่างประหยัด เพื่อจะได้มีน้ำใช้ตลอดช่วงแล้ง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 24-25 ก.พ. อากาศเย็นทางตอนบนของภาคกับมีหมอกในตอนเช้า และมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนมากบริเวณตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 18-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 26 ก.พ.- 1 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงเป็นแห่งๆ ในระยะแรก จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู มีอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70%

  • ในช่วงวันที่ 26 ก.พ. - 1 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเป็นแห่งๆ เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร รวมทั้งอาคารบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง
  • ระยะนี้สภาพอากาศแห้ง จะทำให้เกิดอัคคีภัยได้ง่าย โดยเฉพาะสวนผลไม้และสวนยางพารา เกษตรกรควรจัดทำแนวกันไฟรอบๆ พื้นที่เพาะปลูก รวมทั้งเก็บกวาดกิ่งไม้หรือใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นภายในสวนให้โล่งเตียน เพื่อไม่ให้เป็นเชื้อไฟ

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 24-26 ก.พ. มีหมอกในตอนเช้า และมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 27 ก.พ.- 1 มี.ค. มีหมอกบางในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

  • ในช่วงวันที่ 27 ก.พ.- 1 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ เกษตรกรควรป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับทรัพย์สินและพืชผลทางการเกษตร
  • ระยะนี้อากาศร้อนอบอ้าว เกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปรังควรหมั่นสำรวจแปลงนา เพราะอาจมีศัตรูพืชจำพวกเพลี้ย เช่น เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและเพลี้ยไฟ เข้าทำลายข้าว หากพบควรรีบกำจัดไม่ให้ระบาดแพร่หลาย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 24-25 ก.พ. มีหมอกบางในตอนเช้า และมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 26 ก.พ.-1 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

  • ในช่วงวันที่ 26 ก.พ. - 1 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ ชาวสวนควรผูกยึดและค้ำยันกิ่งและลำต้นของไม้ผลให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการฉีกหักและโค่นล้ม เมื่อมีลมแรง
  • ระยะนี้แม้จะมีฝนแต่ไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ ชาวสวนผลไม้ควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่ไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล และป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

  • ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 24-28 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 29 ก.พ.-1 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
  • ฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 24-28 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 29 ก.พ.-1 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%
  • บริเวณที่มีฝนตกน้อย โดยเฉพาะทางตอนบนของฝั่งตะวันออก เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ รวมทั้งกำจัดวัชพืชเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำ ส่วนสภาพอากาศแห้ง ชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบสวน
  • ในช่วงวันที่ 29 ก.พ.-1 มี.ค. ทางฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกตอนล่างจะมีฝนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อพืชไร่ พืชผัก และไม้ผลที่กำลังเจริญเติบโต สำหรับบริเวณที่มีฝนตกหนักเกษตรกรควรกักเก็บน้ำฝน เพื่อไว้ใช้ในการเกษตรระยะต่อไปด้วย

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ