พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 09 มีนาคม 2555 - 15 มีนาคม 2555

ข่าวทั่วไป Monday March 12, 2012 06:51 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 09 มีนาคม 2555 - 15 มีนาคม 2555

ภาคเหนือ

ตอนบนของภาคอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 14-17 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่าง ของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-25 องศาเซลเซียส โดยมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวันอุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.ในช่วงวันที่ 9-13 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย โดยมีลูกเห็บตกได้ บางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 14-15 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

-ระยะนี้อุณหภูมิสูงสุดและต่ำสุดแตกต่างกันมาก เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกัน การเจ็บป่วย รวมทั้งระวังและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับ ทางเดินหายใจ

-สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล เกษตรกรควรดูแลให้น้ำอย่าง เพียงพอ เพราะหากขาดน้ำในระยะนี้จะทำให้ผลชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตด้อยคุณภาพ

-ในช่วงวันที่ 9-13 มี.ค.จะมีฝนฟ้าคะนอง กับลมกระโชกแรงและลูกเห็บตก เกษตรกรผูกยึดลำต้นและค้ำยันกิ่ง ของไม้ผลให้แข็งแรง เพื่อป้องกันกิ่งฉีกหัก และต้นโค่นล้ม รวมทั้งหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 9-10 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกได้บางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 21-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 11-13 มี.ค. อุณหภูมิ จะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 18-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

-เนื่องจากในช่วงวันที่ 9-10 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและอาจมีลูกเห็บตก เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้ง และปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งขณะฝนฟ้าคะนอง

-สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรมีน้ำสำรองไว้ให้พืชในระยะเจริญเติบโต เพราะหากได้รับน้ำ ไม่เพียงพอจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ถ้าขาดน้ำ จะทำให้พืชเหี่ยวเฉาถาวรก่อนถึงฤดูฝน

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 9-12 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย กับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 13-15 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

-ระยะนี้อากาศร้อน เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ควรลดอุณหภูมิภายในโรงเรือน โดยฉีดน้ำบริเวณหลังคา เพื่อป้องกันสัตว์เครียด จนอ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย รวมทั้งควรเพิ่มน้ำกินสำหรับสัตว์เลี้ยงด้วย

-เนื่องปริมาณฝนมีน้อย เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด โดยให้น้ำแก่พืชครั้งละน้อยๆแต่บ่อยๆครั้ง หรือให้น้ำในช่วงเย็นถึงค่ำ เพื่อลดการระเหยของน้ำ

-ในช่วงที่มีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้สิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาสูง ขณะฟ้าคะนองและลมแรง

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 9-11 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 12-15 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

-ในช่วงวันที่ 9-11 มี.ค. จะมีพายุฝนฟ้าคะนอง กับมีลมกระโชกแรง เกษตรกรควรตรวจสอบอุปกรณ์ที่ผูกยึด และค้ำยันลำต้นและกิ่งของไม้ผลให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันต้นโค่นล้ม และกิ่งฉีกหัก

-สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล เกษตรกรควรดูแลให้น้ำอย่างเหมาะสม เพราะหากได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผลชะงักการเจริญเติบโต และร่วงหล่นได้

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 9-12 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 13-15 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

-สำหรับทางตอนบนของภาคจะมีฝนน้อย เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะพืชที่มีระบบรากตื้น จะได้รับผลกระทบจากสภาพความแห้งแล้งก่อนพืชที่มีระบบรากลึก

-ส่วนผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้วควรลดความชื้นก่อนนำเข้าโรงเก็บ เพื่อป้องกันผลผลิตขึ้นราเสียหายในโรงเก็บ

-ไม้ผลที่อยู่ในระยะแตกใบอ่อน เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาด ของศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืช ทำให้ต้นทรุดโทรม

-อนึ่งยางพาราที่อยู่ในระยะใบอ่อน หากต้องการใส่ปุ๋ยในระยะนี้ ควรใส่ในบริมาณไม่มากนัก เพื่อบำรุงใบอ่อนให้แข็งแรง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 9-12 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนอง เป็นกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 13-15 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

-สำหรับผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้วควรลดความชื้นก่อนนำเข้าโรงเก็บ เพื่อป้องกันผลผลิตขึ้นราเสียหายในโรงเก็บ

-ส่วนไม้ผลที่อยู่ในระยะแตกใบอ่อน เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาด ของศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืช ทำให้ต้นทรุดโทรม

-อนึ่งยางพาราที่อยู่ในระยะใบอ่อน หากต้องการใส่ปุ๋ยในระยะนี้ ควรใส่ในบริมาณไม่มากนัก เพื่อบำรุงใบอ่อนให้แข็งแรง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ