ระหว่าง 21 สิงหาคม 2556 - 27 สิงหาคม 2556
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 21-22 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนัก บางแห่ง ส่วนมากทางตอนบนของภาค ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 23-27 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
- สำหรับพื้นที่การเกษตรที่ถูกน้ำท่วมในระยะที่ผ่านมา หากระดับน้ำลดลงแล้ว เกษตรกรควรรีบระบายน้ำออกอย่าให้น้ำท่วมขังบริเวณพื้นที่เพาะปลูกนาน เพราะจะทำให้เกิดโรคพืชจากเชื้อรา
- ส่วนผู้ที่ปลูกไม้ดอกในระยะยนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นโรคราสนิมในดาวเรืองและกุหลาบ โรคใบจุดในเบญจมาศ เป็นต้น หากพบการระบาดของโรคดังกล่าวควรรีบกำจัดเพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่ไปยังต้นอื่นๆ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 21-22 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบนของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 23-27 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
- ระยะนี้ เกษตรกรไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ชื้นแฉะเพราะจะทำให้สัตว์เลี้ยงอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย โดยเฉพาะสัตว์เท้ากีบอาจเป็นโรคปากและเท้าเปื่อยได้ และหากพบสัตว์ป่วยควรรีบแยกออกจากกลุ่ม แล้วทำการรักษาเพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่ไป ยังตัวอื่นๆ
- สำหรับข้าวนาปีที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต ชาวนาควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรคไหม้ ซึ่งจะทำให้ต้นข้าวชะงักการเจริญเติบโตผลผลิตลดลง
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 21-22 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางด้านตะวันตกของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 23-27 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส
- ฝนที่ตกในระยะนี้จะเป็นผลดีกับพืชไร่และไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต แต่ เกษตรกรควรระวังและป้องกันศัตรูพืชจำพวกหนอนซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืชทำให้ต้นชะงักการเจริญเติบโตผลผลิตลดลงได้
-ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป เพราะสัตว์อาจปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
ภาคตะวันออก
มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ในช่วงวันที่ 22-24 ส.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 25-27 ส.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
- สำหรับสวนผลไม้ที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากแปลงปลูกอย่าให้น้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืชนาน เพราะจะทำให้รากพืชขาดอากาศต้นตายได้
- ส่วนผู้ที่ปลูกพืชไร่ในระยะนี้ควรระวังและป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อรา เช่นโรครากเน่า และโรครากขาว ในพริกไทย เป็นต้น
- ระยะนี้บริเวณอ่าวไทยตอนบนจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ในช่วงวันที่ 21-22 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 23-27 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนบนของภาค ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
- ในช่วงที่มีฝนตกหนักติดต่อกัน เกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
- สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่การเกษตร อย่าให้น้ำขังบริเวณโคนต้นพืชนาน เพราะจะทำให้รากพืชขาดอากาศต้นตายได้
-ฝนที่ตกในระยะนี้จะเป็นผลดีกับไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล แต่ควรมั่นสำรวจ เพราะอาจมีแมลงศัตรูพืช และโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราระบาดได้โดยเฉพาะ โรคที่เกิดจากเชื้อไฟทอปธอราซึ่งมักระบาดในช่วงที่มีความชื้นสูง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
ในช่วงวันที่ 21-22 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 23 -27 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนบนของภาค ในช่วงวันที่ 21-24 ส.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 25-27 ส.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
- ในช่วงที่มีฝนตกหนักติดต่อกัน เกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
- สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่การเกษตร อย่าให้น้ำขังบริเวณโคนต้นพืชนาน เพราะจะทำให้รากพืชขาดอากาศต้นตายได้
-ฝนที่ตกในระยะนี้จะเป็นผลดีกับไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล แต่ควรมั่นสำรวจ เพราะอาจมีแมลงศัตรูพืช และโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราระบาดได้โดยเฉพาะ โรคที่เกิดจากเชื้อไฟทอปธอราซึ่งมักระบาดในช่วงที่มีความชื้นสูง
- ในช่วงวันที่ 22-24 ส.ค. คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันจะมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและ ชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74