พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 14 มีนาคม 2557 - 20 มีนาคม 2557

ข่าวทั่วไป Tuesday March 18, 2014 09:08 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 17 มีนาคม 2557 - 23 มีนาคม 2557

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 17-20 มี.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 21-23 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกได้บางพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 15-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

  • สำหรับสภาพอากาศที่แห้งในระยะนี้ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ซึ่งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง
  • สำหรับในช่วงวันที่ 21 - 23 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองลมกระโชก แรงและลูกเห็บตกได้บางพื้นเกษตรกรควรป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น โดยซ่อมแซมอาคารบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง โรงเรือนเลี้ยงสัตว์ และผูกยึดหรือค้ำยันกิ่งลำต้นของพืชที่รับน้ำหนักมาก ให้แข็งแรง รวมทั้งหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 17-20 มี.ค. มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อนและมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 19-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 21-23 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกได้บางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 16-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ระยะนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย เนื่องจากร่างกายปรับตัวไม่ทัน รวมทั้งดูแลอุณหภูมิในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์ปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • สำหรับในช่วงวันที่ 21 - 23 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองลมกระโชก แรงและลูกเห็บตกได้บางพื้นเกษตรกรควรป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น โดยซ่อมแซมอาคารบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง โรงเรือนเลี้ยงสัตว์ และผูกยึดหรือค้ำยันกิ่งลำต้นของพืชที่รับน้ำหนักมากให้แข็งแรง รวมทั้งหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง

ภาคกลาง

ในวันที่ 17-20 มี.ค. มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อนและมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.โดยในช่วงวันที่ 21-23 มี.ค. มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีพายุฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่และลูกเห็บตกได้บางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ระยะนี้แม้จะมีฝนตกแต่ปริมาณไม่มาก ไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรจึงควรให้น้ำแก่พืชที่ปลูกอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชเหี่ยวเฉา ถ้าขาดน้ำเป็นเวลานานจะทำให้พืชเหี่ยวเฉาถาวร และต้นตายได้
  • เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด และวางแผนการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงแล้ง
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลปริมาณน้ำและจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยงให้มีความเหมาะสมกัน หากปริมาณน้ำมีน้อยจะทำให้สัตว์น้ำอยู่กันอย่างหนาแน่น ซึ่งส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 17-20 มี.ค. มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อนและมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-37 องศาเซลเซียส โดยในช่วงวันที่ 21-23 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่งอุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • ระยะนี้สภาพอากาศแห้งชาวสวนผลไม้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชทำให้ต้นทรุดโทรม ต้นอ่อนอาจตายได้

-ส่วนผู้ที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรมีน้ำสำรองเอาไว้ให้พืชในระยะเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ช่วงวันที่ 17-21 มี.ค. มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตรในในช่วงวันที่ 22-23 มี.ค. มีเมฆเป็นส่วนมาก มีกับมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 19-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีขึ้นไป ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตรตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

  • สำหรับทางตอนบนของภาค สภาพอากาศแห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ในพืชผักและไม้ผล ซึ่งจะทำให้พืชทรุดโทรม ผลผลิตลดลง
  • ระยะนี้แม้จะมีฝนตกแต่ปริมาณไม่มาก ไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรจึงควรให้น้ำแก่พืชที่ปลูกอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชเหี่ยวเฉา ถ้าขาดน้ำเป็นเวลานานจะทำให้พืชเหี่ยวเฉาถาวร และต้นตายได้
  • ส่วนเกษตรกรที่เก็บกักน้ำเอาไว้ควรใช้น้ำอย่างประหยัด และวางแผนการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงแล้ง
  • อนึ่งในช่วงวันที่ 22 - 23 มี.ค.บริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นลมแรงโดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ช่วงวันที่ 17-21 มี.ค. มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ10 ของพื้นที่ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 22-23 มี.ค. มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • สำหรับทางตอนบนของภาค สภาพอากาศแห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ในพืชผักและไม้ผล ซึ่งจะทำให้พืชทรุดโทรม ผลผลิตลดลง
  • ระยะนี้แม้จะมีฝนตกแต่ปริมาณไม่มาก ไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรจึงควรให้น้ำแก่พืชที่ปลูกอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชเหี่ยวเฉา ถ้าขาดน้ำเป็นเวลานานจะทำให้พืชเหี่ยวเฉาถาวร และต้นตายได้
  • ส่วนเกษตรกรที่เก็บกักน้ำเอาไว้ควรใช้น้ำอย่างประหยัด และวางแผนการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงแล้ง
  • อนึ่งในช่วงวันที่ 22 - 23 มี.ค.บริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นลมแรงโดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ