พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 11 สิงหาคม 2557 - 17 สิงหาคม 2557

ข่าวทั่วไป Wednesday August 13, 2014 09:24 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 11 สิงหาคม 2557 - 17 สิงหาคม 2557

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 11-12 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนและด้านตะวันตกของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 13-17 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบนของภาค ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส

  • สัปดาห์นี้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องกับมีฝนตกหนักโดยเฉพาะทางตอนบนของภาค เกษตรกรในพื้นทีเสี่ยงภัยควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร
  • สำหรับสภาพอากาศมีความชื้นสูง นาข้าวที่อยู่ในระยะปักดำ และเจริญเติบโต ชาวนาควรระวังป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคไหม้ นอกจากนี้ควรระวังป้องกัน การระบาดของหอยเชอรี่โดยใช้ตาข่ายดักบริเวณทางน้ำที่ไหลเข้านา แล้วจับหอยไปทำลาย
  • สำหรับผู้ที่ปลูกพืชไร่ และพืชผักในระยะนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืช ทำให้ใบและยอดอ่อนเสียหาย ต้นชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 11-12 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 13-17 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบนของภาค ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส

  • สัปดาห์นี้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องกับมีฝนตกหนักโดยเฉพาะทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรติดตามเฝ้าระวังสภาวะดังกล่าว ซึ่งอาจสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่การเกษตรได้
  • สำหรับพื้นที่การเกษตรที่ถูกน้ำท่วมในระยะที่ผ่านมาหากระดับน้ำลดลงแล้ว เกษตรกรควรรีบฟื้นฟูสภาพสวนและแหล่งน้ำให้กลับสู่สภาวะปกติ
  • ส่วนต้นข้าวที่ยังอยู่รอด ชาวนาควรฟื้นฟูนาข้าวโดยสังเกตลักษณะต้นข้าวหลังน้ำลดประมาณ 3 วันหากพบต้นข้าวยังมีสีเขียวและเพิ่มมากขึ้นในเวลาต่อมาให้ชลอการใส่ปุ๋ย หากพบใบข้าวเริ่มแสดงอาการสีเหลืองให้ใส่ปุ๋ยไนโตรเจนจะทำให้ต้นข้าวสามารถฟื้นตัวได้ภายใน 5 วัน นอกจากนี้ควรเฝ้าระวังการระบาดของโรคและศัตรูข้าวหลังน้ำลดด้วย

ภาคกลาง

มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ตลอดช่วง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส

  • สัปดาห์นี้ยังคงมีฝนตกแต่ปริมาณและการกระจายยังไม่เพียงพอ เกษตรกรที่ปลูกพืชไร่และไม้ผล ควรจัดหาน้ำเพิ่มเติมให้กับพืชอย่างเหมาะสม รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืช ทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง
  • ในช่วงฤดูฝน อากาศจะมีความชื้นสูง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่อับชื้น ป้องกันสัตว์อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 11-12 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 13-17 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ความเร็ว 15-35 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส

  • สัปดาห์นี้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องกับมีฝนตกหนัก พื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำในพื้นที่เพาะปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในแปลงปลูกเมื่อมีฝนตกหนัก
  • สำหรับชาวสวนไม้ผล ควรระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน เช่น หนอนเจาะลำต้นในทุเรียน และหนอนชอนเปลือกลำต้นในลองกอง ซึ่งจะกัดกินทำให้ต้นพืชเสียหาย และชะงักการเจริญเติบโต

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 11-12 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 13-17 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส

  • สัปดาห์นี้ทางภาคใต้ฝั่งตะวันออกแม้จะมีฝนแต่ปริมาณอาจไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรควรจัดหาน้ำให้แก่พืชที่ปลูกเพิ่มเติม เพื่อป้องกันไม่ให้ต้นชะงักการเจริญเติบโต ซึ่งจะทำให้ผลผลิตลดลงได้ ส่วนชาวสวนไม้ผลควรหมั่นสำรวจสภาพภายในสวน หากพบผลที่เป็นโรค หรือศัตรูพืชเข้าทำลายควรรีบกำจัดเพื่อไม่ให้ลุกลามไปยังผลอื่นๆ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 11-12 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 13-17 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบนของภาค ตั้งแต่จังหวัดระนองขึ้นมา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ตั้งแต่จังหวัดพังงาลงไป ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส

  • สำหรับภาคใต้ฝั่งตะวันตกยังคงมีฝนตกชุก สภาพอากาศมีความชื้นสูง ชาวสวนยางพารา และปาล์มน้ำมัน ควรระวังและป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งจะทำให้ต้นพืชเสียหาย ผลผลิตลดลง โดยหมั่นกำจัดวัชพืชและทำความสะอาดภายในสวนให้โล่งเตียน เพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวก ซึ่งจะช่วยลดการระบาดของโรคพืชจากเชื้อรา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ