พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 14 มกราคม 2558 - 20 มกราคม 2558

ข่าวทั่วไป Wednesday January 14, 2015 14:44 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 14 มกราคม 2558 - 20 มกราคม 2558

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 15-18 ม.ค. อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส ตอนบนของภาค อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาค อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-29 องศาเซลเซียสบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 2-6 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 19-20 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย กับมีหมอกในตอนเช้า ตอนบนของภาค อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาค อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-8 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

  • ในระยะนี้อากาศยังคงหนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • ส่วนผู้ที่จุดไฟผิงเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยงหากใช้งานเสร็จแล้วควรดับไฟให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย
  • สำหรับบริเวณยอดดอยจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรทำแผงกำบังลมหนาวให้แก่สัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันลมโกรกโรงเรือนตอนกลางคืนทำให้สัตว์หนาวเย็น จนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็กควรเพิ่มดวงไฟภายในโรงเรือน เพื่อเพิ่มความอบอุ่นไว้ด้วย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 15-18 ม.ค. อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส ตอนบนของภาค อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาค อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-28 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-8 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 19-20 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย กับมีหมอกบางในตอนเช้า ตอนบนของภาค อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาค อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

  • เนื่องจากอุณหภูมิที่แตกต่างกันมากระหว่างกลางวันและกลางคืน เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • สำหรับผู้ที่จุดไฟผิงเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยงหากใช้งานเสร็จแล้วควรดับไฟให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย และไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งแจ้งตอนกลางคืน เพราะสัตว์ที่ไม่แข็งแรงอาจป่วยและตายได้
  • ช่วงที่อุณหภูมิลดลง สัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อย เกษตรกรควรลดปริมาณอาหารให้น้อยลง เพื่อไม่ให้อาหารที่เหลือทำให้น้ำเน่าเสีย ส่งผลให้ออกซิเจนในน้ำลดลง รวมทั้งเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อเพิ่มออกซิเจน และเป็นการปรับสภาพน้ำไม่ให้อุณหภูมิผิวน้ำและน้ำในระดับล่างแตกต่างกันมาก
  • สภาพอากาศที่แห้งกับบางช่วงมีลมแรง ชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก และหลีกเลี่ยงการจุดไฟในบริเวณสวน รวมทั้งระมัดระวังการเกิดอัคคีภัยบริเวณที่อยู่อาศัย

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 15-18 ม.ค. อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศาเซลเซียสส่วนในช่วงวันที่ 19-20 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18 -21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • ในระยะนี้อากาศยังคงหนาวเย็น โดยเฉพาะทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ รวมทั้งควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็วป้องกันสัตว์ปรับตัวไม่ทันจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • ระยะนี้ในตอนกลางวันท้องฟ้าโปร่งและมีแสงแดดจัดเกษตรกรสามารถตากผลผลิตทางการเกษตรเพื่อลดความชื้น
  • สำหรับสภาพอากาศแห้งและน้ำระเหยมาก ไม้ผลที่ดอกบานและติดผลแล้ว ชาวสวนควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งกำจัดวัชพืชภายในสวน เพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากไม้ผล นอกจากนี้ควรป้องกันกำจัดศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยไว้ด้วย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 15-18 ม.ค. อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียสส่วนในช่วงวันที่ 19-20 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20 -23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

  • สภาพอากาศที่แห้ง ชาวสวนยางพาราควรทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย รวมทั้งหลีกเลี่ยงการจุดไฟในบริเวณสวนหากมีความจำเป็นควรดับไฟให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน
  • ในระยะต่อไปเป็นช่วงแล้ง เกษตรกรควรวางแผนจัดการ การใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรตลอดในช่วงแล้ง
  • ส่วนชาวสวนผลไม้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่นเพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นพืชทรุดโทรม

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ตลอดช่วงอุณหภูมิต่ำสุด 20 -24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 14-17 ม.ค. จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา ลมตะวันออก เฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตรตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ลตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตรในช่วงวันที่ 18-20 ม.ค. ตั้งแต่จังหวัด สุราษฎร์ธานีขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตรตั้งแต่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ลงไป ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

  • ในระยะนี้ภาคใต้ตอนบนมีอากาศแห้ง เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชไร่ และพืชผัก ที่กำลังเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ หากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต รวมทั้งคลุมดินบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว หรือหญ้าแห้ง เพื่อลดการระเหยของน้ำและรักษาความชื้นในดิน
  • ส่วนทางตอนล่างของภาคยังมีฝนตกต่อเนื่องทำให้ความชื้นในดินมีอยู่มาก ชาวสวนควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืช ทำให้พืชเสียหาย ผลผลิตลดลง
  • อนึ่ง ในช่วงวันที่ 14-16 ม.ค.บริเวณอ่าวไทยตอนล่าง ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป จะมีคลื่นลมแรงโดยจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

  • ในระยะนี้ภาคใต้ตอนบนมีอากาศแห้ง เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชไร่ และพืชผัก ที่กำลังเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ หากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต รวมทั้งคลุมดินบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว หรือหญ้าแห้ง เพื่อลดการระเหยของน้ำและรักษาความชื้นในดิน
  • ส่วนทางตอนล่างของภาคยังมีฝนตกต่อเนื่องทำให้ความชื้นในดินมีอยู่มาก ชาวสวนควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืช ทำให้พืชเสียหาย ผลผลิตลดลง
  • สำหรับภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีปริมาณฝนน้อย ชาวสวนควรระวังป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ซึ่งตัวอ่อนและ ตัวเต็มวัยจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้พืชเสียหาย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ