พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 23 มีนาคม 2558 - 29 มีนาคม 2558

ข่าวทั่วไป Monday March 23, 2015 15:57 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 23 มีนาคม 2558 - 29 มีนาคม 2558

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 23-27 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจายร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 17-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 28-29 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 18-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • สัปดาห์นี้ยังคงมีพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้สิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง และต้นไม้ใหญ่ รวมทั้งไม่ควรปล่อยสัตว์เลี้ยงไว้ในที่โล่งแจ้งขณะที่มีฝนฟ้าคะนอง
  • สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล เช่นลิ้นจี่ และลำไย ชาวสวนควรตรวจสอบอุปกรณ์ที่ผูกยึดหรือค้ำยันกิ่งและลำต้นของพืชที่รับน้ำหนักมากให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันกิ่งฉีกหัก ต้นโค่นล้ม เมื่อมีลมกระโชกแรง
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรป้องกันน้ำฝนที่ไหลลงบ่อ เพราะจะทำให้สภาพน้ำ และอุฌหภูมิน้ำเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ทำให้สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย เกษตรกรควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อให้น้ำผสมเป็นเนื้อเดียวกัน และเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้กับสัตว์น้ำ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 23-25 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 26-29 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

  • สัปดาห์นี้ยังคงมีพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง ผลผลิตทางการเกษตรที่แก่ดีแล้ว เกษตรกรควรรีบเก็บเกี่ยวไม่ควรปล่อยทิ้งไว้กลางแจ้ง เพราะจะทำให้เปียกชื้นเสียหาย
  • ฝนที่ตกจะช่วยบรรเทาความร้อนของอากาศลงไปได้บ้าง และลดการระบาดของ ศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ย และไรชนิดต่างๆ ใน พืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก

-นอกจากนี้ เกษตรกรควรคลุมดินด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่นใบไม้ และหญ้าแห้ง เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน ช่วยรักษาความชื้นภายในดิน

  • เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกยังคงมีน้อย เกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรมีน้ำสำรองให้พืชในระยะเจริญเติบโต เพราะหากขาดน้ำจะทำให้ต้นชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 23-26 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 27-29 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • สัปดาห์นี้ยังคงมีพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้สิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาสูง ขณะลมกระโชกแรง
  • สำหรับฝนที่ตกจะช่วยบรรเทาความร้อนของอากาศลงไปได้บ้าง รวมทั้งลดการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรต่างๆ ใน พืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก เป็นต้น แต่ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนในระยะต่อไป
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรป้องกันน้ำฝนที่ไหลลงบ่อ เพราะจะทำให้สภาพน้ำ และอุฌหภูมิน้ำเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ทำให้สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย เกษตรกรควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อให้น้ำผสมเป็นเนื้อเดียวกัน และเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้กับสัตว์น้ำ

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 23-26 มี.ค. ในช่วงวันที่ 23-26 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 27-29 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีพายุฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

  • สัปดาห์นี้ยังคงมีพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง ไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล และเก็บเกี่ยว เกษตรกรควรสำรวจตรวจสอบ อุปกรณ์ที่ผูกยึดกิ่ง และค้ำยันลำต้นไม้ผลให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันกิ่งฉีกหัก ต้นโค่นล้ม เมื่อมีลมกระโชกแรง
  • ฝนที่ตกจะช่วยบรรเทาความร้อนของอากาศลงไปได้บ้าง และลดการระบาดของ ศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ย และไรชนิดต่างๆ ใน พืชไร่ ไม้ผล และพืชผักได้บ้าง แต่ควรเฝ้าระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนในระยะต่อไป

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 23-26 มี.ค. มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค ในช่วงวันที่ 27-29 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 -2 เมตร บริเวณที่มีพายุฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

  • ระยะนี้ปริมาณและการกระจายของฝนมีน้อย ประกอบกับน้ำระเหยมีมาก เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตอย่างเพียงพอเพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต
  • เกษตรกรควรคลุมดินด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่นใบไม้ และหญ้าแห้ง เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน ช่วยรักษาความชื้นภายในดิน
  • สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะผลอ่อน เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ผลผลิตเสียหาย และด้อยคุณภาพ
  • สำหรับบริเวณที่มีพายุฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งควรระวังและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

  • ระยะนี้ปริมาณและการกระจายของฝนมีน้อย ประกอบกับน้ำระเหยมีมาก เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตอย่างเพียงพอเพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต
  • เกษตรกรควรคลุมดินด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่นใบไม้ และหญ้าแห้ง เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน ช่วยรักษาความชื้นภายในดิน
  • สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะผลอ่อน เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ผลผลิตเสียหาย และด้อยคุณภาพ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ