พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 08 เมษายน 2558 - 14 เมษายน 2558

ข่าวทั่วไป Thursday April 9, 2015 14:06 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 08 เมษายน 2558 - 14 เมษายน 2558

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 8-9 และ 12-14 เม.ย. มีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 10-11 เม.ย. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 18-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

-ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้สิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง และต้นไม้ใหญ่ สำหรับผลผลิตทางการเกษตรที่แก่ดีแล้ว เกษตรกรควรรีบเก็บเกี่ยวไม่ควรปล่อยทิ้งไว้กลางแจ้ง เพราะจะทำให้เปียกชื้นเสียหาย ส่วนบริเวณที่มีฝนหนักเกษตรกรควรกักเก็บน้ำไว้ใช้ในการเกษตรในระยะต่อไป

  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรป้องกันน้ำฝนที่ไหลลงบ่อ เพราะจะทำให้สภาพน้ำ และอุฌหภูมิน้ำเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ทำให้สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย เกษตรกรควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อให้น้ำผสมเป็นเนื้อเดียวกัน และเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้กับสัตว์น้ำ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 9-10 และ 13-14 เม.ย. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 11-12 เม.ย. มีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้สิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง และต้นไม้ใหญ่ รวมทั้งไม่ควรปล่อยสัตว์เลี้ยงไว้ในที่โล่งแจ้งขณะที่มีฝนฟ้าคะนอง
  • หลังจากมีฝนฟ้าคะนองอุณหภูมิจะลดลงทำให้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยหากร่างกายปรับตัวไม่ทัน
  • ฝนที่ตกจะช่วยบรรเทาอากาศร้อนลงไปได้บ้าง และลดการระบาดของ ศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ย และไรชนิดต่างๆ ใน พืชไร่ ไม้ผล และพืชผักได้บ้าง แต่ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืชในระยะต่อไป

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 8-9 และ 12-14 เม.ย. มีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 10-11 เม.ย. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้สิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง และต้นไม้ใหญ่ รวมทั้งไม่ควรปล่อยสัตว์เลี้ยงไว้ในที่โล่งแจ้งขณะที่มีฝนฟ้าคะนอง
  • ฝนที่ตกจะช่วยบรรเทาอากาศร้อนลงไปได้บ้าง และลดการระบาดของ ศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ย และไรชนิดต่างๆ ใน พืชไร่ ไม้ผล และพืชผักได้บ้าง แต่ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืชในระยะต่อไป

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 8-10 เม.ย. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 11-14 เม.ย. มีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

  • ระยะนี้จะมีพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง ไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล และเก็บเกี่ยว เกษตรกรควรสำรวจตรวจสอบ อุปกรณ์ที่ผูกยึดกิ่ง และค้ำยันลำต้นให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันกิ่งฉีกหัก ต้นโค่นล้ม เมื่อมีลมกระโชกแรง
  • สำหรับฝนที่ตกจะทำให้อากาศมีความชื้นสูงส่งผลต่อสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะสัตว์ปีกอาจเจ็บป่วยเป็นหวัด เกษตรกรควรหมั่นดูแล หากพบสัตว์ป่วย ควรรีบให้การรักษา
  • ฝนที่ตกจะช่วยบรรเทาความแห้งแล้งลงไปได้บ้าง และลดการระบาดของ ศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ย และไรชนิดต่างๆ ใน พืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 8-11 เม.ย. มีพายุฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 12-14 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

  • แม้ระยะนี้เริ่มจะมีฝนเพิ่มขึ้นจากระยะที่ผ่านมา แต่ปริมาณและการกระจายยังคงไม่มาก เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ ถ้าขาดน้ำจะทำให้พืชเหี่ยวเฉา รวมทั้งควรคลุมดินด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่นใบไม้ และหญ้าแห้ง เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน ช่วยรักษาความชื้นภายในดิน
  • ฝนที่ตกจะช่วยบรรเทาความแห้งแล้งลงไปได้บ้าง และลดการระบาดของ ศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ย และไรชนิดต่างๆ ใน พืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก แต่ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืชในระยะต่อไป
  • สำหรับบริเวณที่มีพายุฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งควรระวังและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 8-11 เม.ย. มีพายุฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 12-14 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

  • แม้ระยะนี้เริ่มจะมีฝนเพิ่มขึ้นจากระยะที่ผ่านมา แต่ปริมาณและการกระจายยังคงไม่มาก เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ ถ้าขาดน้ำจะทำให้พืชเหี่ยวเฉา รวมทั้งควรคลุมดินด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่นใบไม้ และหญ้าแห้ง เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน ช่วยรักษาความชื้นภายในดิน
  • ฝนที่ตกจะช่วยบรรเทาความแห้งแล้งลงไปได้บ้าง และลดการระบาดของ ศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ย และไรชนิดต่างๆ ใน พืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก แต่ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืชในระยะต่อไป

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ