พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 13 พฤษภาคม 2558 - 19 พฤษภาคม 2558

ข่าวทั่วไป Wednesday May 13, 2015 16:52 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 13 พฤษภาคม 2558 - 19 พฤษภาคม 2558

ภาคเหนือ

อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 22-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-41 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 13-14 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกได้บางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 15-19 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • สำหรับสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัดและมีแดดจัดในช่วงกลางวัน เกษตรกรไม่ควรอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน หากมีความจำเป็นต้องทำงานกลางแดดควรสวมเครื่องป้องกันแสงแดดให้มิดชิด เพื่อป้องกันผิวหนังไหม้เกรียม และดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อป้องกันโรคลมแดด
  • นอกจากนี้ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัยและไฟป่า โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก อาคารบ้านเรือน และโรงเก็บพืชผลทางด้านการเกษตร
  • ส่วนเกษตรกรที่เตรียมดินไว้สำหรับปลูกพืชในช่วงฤดูฝนที่จะมาถึงนี้ควรยกร่องแปลงปลูกให้สูง และเตรียมทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่การเกษตรให้พร้อม เนื่องจากระยะต่อไปจะมีฝนเพิ่มขึ้น

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 13-14 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกได้บางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 15-19 พ.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง ส่วนมากทางด้านตะวันออก และตอนล่างของภาค ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ระยะนี้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว โดยหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งและปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งขณะมีฝนฟ้าคะนอง
  • สำหรับฝนที่ตกในระยะนี้จะช่วยบรรเทาอากาศร้อนลงไปได้บ้าง และลดการระบาดของ ศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ย และไรชนิดต่างๆ ใน พืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก แต่ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืชในระยะต่อไป
  • เนื่องจากระยะต่อไปจะเป็นฤดูฝน ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรสำรวจตรวจสอบโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ให้มีความมั่นคงแข็งแรง หลังคาไม่รั่วซึมและยกพื้นคอกสัตว์ให้สูง เพื่อป้องกันสัตว์เปียกชื้น อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคกลาง

อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 13-15 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 16-19 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางด้านตะวันตก และตอนล่างของภาค ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ระยะนี้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว โดยหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้สิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาสูงๆ
  • สำหรับฝนที่ตกในระยะนี้จะช่วยบรรเทาอากาศร้อนลงไปได้บ้าง และลดการระบาดของ ศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ย และไรชนิดต่างๆ ใน พืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก แต่ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืชในระยะต่อไป
  • ส่วนพื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรยกร่องแปลงปลูกให้สูง และเตรียมทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่การเกษตร เนื่องจากระยะต่อไปเป็นช่วงฤดูฝน ปริมาณฝนจะเพิ่มมากขึ้น

ภาคตะวันออก

อากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 25-29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 13-14 พ.ค. โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-60 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 15-19 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

  • สำหรับฝนที่ตกในระยะนี้จะทำให้อากาศมีความชื้นสูงส่งผลต่อสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะสัตว์ปีกอาจเจ็บป่วยเป็นหวัด เกษตรกรควรหมั่นดูแล หากพบสัตว์ป่วย ควรรีบให้การรักษา
  • ส่วนไม้ผลที่อยู่ในระยะผลแก่และเก็บเกี่ยวผลผลิต ชาวสวนควรดูแลบริเวณพื้นที่เพาะปลูกให้โล่งเตียน และไม่ควรกองสุมวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร โดยเฉพาะเปลือกและผลที่เน่าเสียร่วงหล่นของผลไม้ไว้ในสวน เพราะจะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของโรค และแมลงศัตรูพืช โดยเฉพาะโรคจำพวกเชื้อรา ซึ่งมักระบาดในช่วงอากาศชื้น

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) ในช่วงวันที่ 13-14 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-60 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 15-19 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

  • ระยะนี้ภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลดีกับพืชผลการเกษตรที่ขาดน้ำในระยะที่ฝ่านมา บริเวณที่มีฝนตกหนัก เกษตรกรควรกักเก็บน้ำเพื่อใช้ทางด้านการเกษตรในระยะต่อไป
  • สำหรับเกษตรกรที่เตรียมดินไว้สำหรับปลูกพืชในช่วงฤดูฝนนี้ควรยกร่องแปลงปลูกให้สูง และเตรียมทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่การเกษตรให้พร้อม
  • ส่วนไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล ชาวสวนผลไม้ควรดูแลสภาพสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวนป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา รวมทั้งระวังป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนซึ่งจะกัดกินและทำลายผล ทำให้ผลเสียหาย ผลผลิตด้อยคุณภาพ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 13-14 พ.ค. ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ในช่วงวันที่ 15-19 พ.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

  • ระยะนี้ภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลดีกับพืชผลการเกษตรที่ขาดน้ำในระยะที่ฝ่านมา บริเวณที่มีฝนตกหนัก เกษตรกรควรกักเก็บน้ำเพื่อใช้ทางด้านการเกษตรในระยะต่อไป
  • สำหรับเกษตรกรที่เตรียมดินไว้สำหรับปลูกพืชในช่วงฤดูฝนนี้ควรยกร่องแปลงปลูกให้สูง และเตรียมทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่การเกษตรให้พร้อม
  • ส่วนไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล ชาวสวนผลไม้ควรดูแลสภาพสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวนป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา รวมทั้งระวังป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนซึ่งจะกัดกินและทำลายผล ทำให้ผลเสียหาย ผลผลิตด้อยคุณภาพ
  • อนึ่ง ในช่วงวันที่ 15-19 พ.ค. บริเวณทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ