ระหว่าง 03 สิงหาคม 2558 - 09 สิงหาคม 2558
ภาคเหนือ
มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และในช่วงวันที่ 3-4 ส.ค. มีฝนหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบน และด้านตะวันตกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
- สำหรับในช่วงที่มีฝนตกหนัก เกษตรกรควรป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรได้
- สภาพอากาศที่ชุ่มชื้นอาจทำให้มีศัตรูพืชจำพวกหนอนระบาดทำลายข้าวนาปีที่กำลังเจริญเติบโต ดังนั้นเกษตรควรหมั่นกำจัดวัชพืชตาม คันนาเพื่อมิให้มีหนอนไปอาศัยหลบซ่อน หรือระบายน้ำเข้าแปลงนาให้ท่วมยอดข้าว ซึ่งจะทำให้หนอนมารวมกลุ่มและง่ายต่อการกำจัด หากระบาดมากควรใช้สารเคมีกำจัด แต่ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง
มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และในช่วงวันที่ 3-4 ส.ค. มีฝนหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบน และด้านตะวันออกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
- ในช่วงที่มีฝนตกหนัก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว นอกจากนี้เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการย่ำน้ำที่สกปรก หากมีความจำเป็นต้องเดินลุยน้ำควรสวมรองเท้าบูทเพื่อป้องกันโรคฉี่หนู
- สภาพอากาศที่ชุ่มชื้นอาจทำให้มีโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราแพร่ระบาดทำลายข้าว พืชไร่ และพืชผัก เช่นโรคกาบใบแห้งในข้าว โดยเฉพาะในแปลงที่ปลูกข้าวหนาแน่นเกินไปจะเกิดโรคได้มาก โรคราน้ำค้างในพืชตระกูลกะหล่ำและผักกาด โรคราสนิมและโรคใบจุดในถั่วลิสง เกษตรกรควรหมั่นสำรวจแปลงปลูก หากพบว่ามีการะบาดของโรคพืชมากควรรีบกำจัด
- เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณและการกระจายของฝนจะเพิ่มขึ้นสำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรขุดลอกคูคลองสำหรับระบายน้ำในพื้นที่การเกษตร อย่าให้ตื้นเขิน และจัดระบบระบายน้ำในพื้นที่เพาะปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้น้ำไหลได้สะดวก ป้องกันน้ำขังในพื้นที่เพาะปลูก เมื่อมีฝนตกหนักในระยะต่อไป
- ในบริเวณที่มีฝนตกน้อย เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชที่กำลังติดผลเพียงพอแก่ความต้องการ รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยชนิดต่างๆ ซึ่งอาจทำความเสียหายแก่ข้าวโพด พืชตระกูลมะเขือ พริก ไม้ดอก เป็นต้น
- สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำขังในพื้นที่เพาะปลูก เมื่อมีฝนตกหนัก
- เกษตรกรที่ได้เก็บเกี่ยวไม้ผลชนิดต่างๆ เช่น เงาะ ทุเรียน และมังคุดหมดแล้ว ควรทำการตัดแต่งกิ่ง ใส่ปุ๋ยบำรุงต้นให้แข็งแรง หมั่นกำจัดวัชพืชและจัดทำทางระบายน้ำในสวนด้วย นอกจากนี้ควรหมั่นสำรวจแปลงปลูกเพราะในช่วงที่พืชแตกใบอ่อนอาจมีศัตรูพืชจำพวกหนอนกินใบและด้วงกินใบ กัดกินใบอ่อน หากพบศัตรูพืชดังกล่าวควรรีบกำจัด
- เนื่องจากระยะนี้สภาพอากาศชื้นอาจทำให้ไม้ผลที่อยู่ในระยะเก็บเกี่ยวเกิดโรคผลเน่า ดังนั้นเมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตมาแล้ว เกษตรกรควรคัดแยกผลที่เน่าเสียออกแล้วนำไปฝังดินเพื่อไม่ให้เชื่อโรคแพร่ระบาดทำความเสียหายแก่ผลอื่นต่อไป
- อนึ่ง สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 5-9 ส.ค.
- ระยะนี้เป็นช่วงมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทางภาคใต้ฝั่งตะวันตกซึ่งเป็นด้านรับลมจะมีปริมาณและการกระจายของฝนมากกว่าทางภาคใต้ฝั่งตะวันออก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะฝนตกหนัก ส่วนพื้นที่การเกษตรที่เป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ
- อนึ่ง สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 5-9 ส.ค.
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74