ระหว่าง 02 กันยายน 2558 - 08 กันยายน 2558
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 2- 5 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 6 - 8 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตะวันตกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
- ในช่วงวันที่ 2- 5 ก.ย.จะมีฝนตกชุก เกษรตกรควรกักเก็บน้ำเพื่อไว้ใช้ทางการเกษตรในช่วงฝนแล้ง
- สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก หลังคาไม่รั่วซึม เพื่อป้องกันสัตว์เปียกชื้น อ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย
- ส่วนในช่วงวันที่ 6 - 8 ก.ย.จะมีฝนลดน้อยลง เกษตรกรควรหมั่นสำรวจแปลงนาเพราะอาจมีแมลงศัตรูพืชจำพวกเพลี้ย เช่น เพลี้ยจักจั่นสีเขียว เข้าทำลาย หากพบควรรีบป้องกันกำจัด
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 2- 4 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบนของภาคหลังจากนั้นในช่วงวันที่ 5 - 8 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
- ในช่วงวันที่ 2- 4 ก.ย. ทางตอนบนของภาคยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายป้องกันความเสียหายจากสภาวะน้ำท่วมขัง และควรหลีกเลี่ยงการย่ำน้ำที่สกปรก หากมีความจำเป็นต้องเดินลุยน้ำควรสวมรองเท้าบูททุกครั้ง เพื่อป้องกันโรคฉี่หนู
- ส่วนข้าวนาปีที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต ชาวนาควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรคไหม้ รวมทั้งป้องกันการระบาดของศัตรูข้าว เช่น หนอนกอข้าว หนอนห่อใบข้าว และหอยเชอรี่ เป็นต้น ซึ่งจะกัดกินทำให้ต้นข้าวเสียหายได้
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 2 - 5 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 6 - 8 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตะวันตกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
- ในระยะนี้แม้จะมีฝนตก แต่ปริมาณฝนที่ตกยังมีน้อย เกษตรกรควร ให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต อย่างเพียงพอ นอกจากนี้ควรป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืชจำพวกพลี้ยชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากส่วนที่อ่อนของพืชทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตด้อยคุณภาพ
- สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก หากโรงเรือนอับชื้น จะทำให้สัตว์อ่อนแอและเจ็บป่วยได้
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 2- 4 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 5 - 8 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
- ในช่วงวันที่ 2- 4 ก.ย. จะมีฝนตกหนัก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
-ในช่วงนี้มีฝนตกติดต่อกันทำให้อากาศมีความชื้นสูงไม้ผลทีเก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้ว ชาวสวนควรตัดแต่งกิ่งที่ฉีกขาดและมีโรคหรือแมลงทำลายทิ้ง เพื่อมิไห้เป็นแหล่งสะสมของโรคพืช
- สำหรับชาวสวนพริกไทยไม่ควรปล่อยให้มีน้ำขังในพื้นที่เพาะปลูก เพราะอาจมีโรครากเน่า และรากขาวเข้าทำลาย หากพบโรคดังกล่าวควรรีบกำจัด เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่ไปยังต้นอื่นๆ
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ในช่วงวันที่ 2- 5 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาคหลังจากนั้นในช่วงวันที่ 6 - 8 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร
- ในระยะนี้ยังคงมีฝนตก สำหรับไม้ผลที่กำลังให้ผลผลิต เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นโรคผลเน่า ซึ่งจะทำให้ผลผลิตเสียหาย และระวังศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะเจาะและกัดกินผล ทำให้ผลเสียหาย ผลผลิตด้อยคุณภาพ รวมทั้งเก็บผลที่ ร่วงหล่นบริเวณโคนต้นไปทำลาย เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของโรคและแมลงศัตรูพืช
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
ในช่วงวันที่ 3 - 5 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาคส่วนในช่วงวันที่ 6 - 8 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียสลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
- ในระยะนี้ยังคงมีฝนตก สำหรับไม้ผลที่กำลังให้ผลผลิต เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นโรคผลเน่า ซึ่งจะทำให้ผลผลิตเสียหาย และระวังศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะเจาะและกัดกินผล ทำให้ผลเสียหาย ผลผลิตด้อยคุณภาพ รวมทั้งเก็บผลที่ ร่วงหล่นบริเวณโคนต้นไปทำลาย เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของโรคและแมลงศัตรูพืช
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74