พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่างวันที่ 09 พฤศจิกายน 2558 - 15 พฤศจิกายน 2558

ข่าวทั่วไป Monday November 9, 2015 15:49 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 09 พฤศจิกายน 2558 - 15 พฤศจิกายน 2558

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 9 - 12 พ.ย. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย โดยมีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดดอย อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 13 - 15 พ.ย. อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส โดยมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.

สำหรับสภาพอากาศที่เย็นลงในสัปดาห์นี้ เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยรวมทั้งควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน จนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ระยะนี้ในบางพื้นที่อาจมีหมอกและน้ำค้างในตอนเช้า เกษตรกรควรป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น ราแป้งในมะขามหวาน ราน้ำค้างในพืชผักสวนครัว และราสนิมในกาแฟ เป็นต้น

ส่วนผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว เช่น ข้าว และข้าวโพด ไม่ควรตากทิ้งไว้กลางแจ้งข้ามคืน เพราะอาจเปียกชื้นเสียหาย เนื่องจากหมอก และน้ำค้างได้

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 9-12 พ.ย. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย โดยมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภู อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 13 - 15 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม.

สัปดาห์นี้อากาศจะเปลี่ยนแปลงโดยมีอากาศเย็นสลับกับมีฝนในบางวัน เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย หากร่างกายปรับตัวไม่ทัน

ช่วงที่อากาศเย็น เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ ไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งแจ้งตอนกลางคืน เพราะอาจทำให้สัตว์ อ่อนแอเป็นโรคได้ง่าย โดยเฉพาะโรคคอบวมในโคและกระบือ

สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในกระชังควรลดปริมาณสัตว์เลี้ยงลง เนื่องจากปริมาณฝนน้อยและแหล่งน้ำตื้นเขิน ทำให้สัตว์อยู่อย่างแออัด จนทำให้อ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย หากสัตว์น้ำโตได้ขนาดควรรีบจับขายเพื่อลดความเสี่ยง

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 10 – 13 พ.ย. มีหมอกบางในตอนเช้า มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 14 – 15 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

สัปดาห์นี้แม้จะมีฝนแต่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช เกษตรกรควรดูแลให้น้ำเพิ่มเติม และหมั่นกำจัดวัชพืชในบริเวณแปลงปลูกเพื่อไม่แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช

สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชรอบใหม่หลังการทำนา ควรเลือกปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้น เช่น พืชตระกูลถั่วและพืชผัก รวมทั้งวางแผนการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้มีน้ำใช้เพียงพอตลอดช่วงแล้ง

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 9 - 12 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 13 - 15 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

สัปดาห์นี้แม้จะมีฝนแต่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืชเกษตรกรที่ปลูกพืชไร่ และพืชผักควรให้น้ำเพิ่มเติมหากพืชได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตด้อยคุณภาพ

นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผักต่างๆ เกษตรกรจึงหมั่นสำรวจพื้นที่เพาะปลูก หากพบศัตรูพืชดังกล่าวควรรีบกำจัด เพื่อป้องกันการระบาดเป็นบริเวณกว้าง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

สัปดาห์นี้บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออก ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องกับมีฝนตกหนัก ในบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งเป็นที่ลุ่มอาจเกิดน้ำท่วมขังได้

สำหรับเกษตรกรที่ปลูกไม้ผล ควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรครากเน่าโคนเน่า ซึ่งมักระบาดในช่วงที่ดินมีความชื้นสูง

สัปดาห์นี้ บริเวณอ่าวไทย จะมีคลื่นลมแรง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือ ด้วยความระมัดระวัง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1- 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส

สำหรับเกษตรกรที่ปลูกไม้ผล ควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรครากเน่าโคนเน่า ซึ่งมักระบาดในช่วงที่ดินมีความชื้นสูง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ