พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่างวันที่ 13 พฤศจิกายน 2558 - 19 พฤศจิกายน 2558

ข่าวทั่วไป Friday November 13, 2015 13:24 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 13 พฤศจิกายน 2558 - 19 พฤศจิกายน 2558

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 14 - 17 พ.ย. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 19-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดดอย อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 18-19 พ.ย. อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • สำหรับสภาพอากาศอากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้า ทำให้อากาศมีความชื้นในระยะนี้ เหมาะต่อการแพร่ระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา รวมทั้งศัตรูพืชจำพวกหนอน
  • โรคใบจุดและหนอนกระทู้ในพืชตระกูลกะหล่ำและแตง
  • ราแป้งในมะขามหวาน และราสนิมในกาแฟ
  • สำหรับเกษตรกรในพื้นที่นอกเขตชลประทาน ต้องการที่จะปลูกพืชรอบใหม่หลังการทำนา ควรเลือกปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย รวมทั้งควรมีแหล่งน้ำเป็นของตนเองเพื่อป้องน้ำขาดแคลนในระยะเจริญเติบโต
  • ส่วนผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว เช่น ข้าว และข้าวโพด ไม่ควรตากทิ้งไว้กลางแจ้งข้ามคืน เพราะอาจเปียกชื้นเสียหาย เนื่องจากหมอก และน้ำค้างได้

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 14-17 พ.ย. อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดภู อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 18-19 พ.ย. อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดภู อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

  • ระยะนี้ในตอนเช้าอากาศเย็นกับมีหมอกและน้ำค้าง เกษตรกรที่ปลูกพืชผักสวนครัวโดยเฉพาะพริกและมะเขือควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคใบจุดและใบด่าง โดยหมั่นสำรวจแปลงปลูก หากพบควรรีบกำจัด
  • ส่วนอากาศแห้งในตอนกลางวันจะเหมาะต่อการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยที่จะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต โดยเฉพาะเพลี้ยแป้งในมันสำปะหลัง เพลี้ยไฟและเพลี้ยอ่อนในพริก
  • ฝนที่ตกในระยะนี้อาจทำให้ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวมาแล้วเปียกชื้น เกษตรควรลดความชื้นก่อนนำเข้าโรงเก็บ เพื่อป้องกันเชื้อรา ซึ่งจะทำให้ผลผลิตเสียหาย

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 14 - 17 พ.ย. มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ในช่วงวันที่ 18 - 19 พ.ย. มีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ระยะนี้แม้จะมีฝนแต่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช เกษตรกรควรดูแลให้น้ำเพิ่มเติม และให้น้ำอย่างประหยัด โดยให้น้ำเฉพาะบริเวณทรงพุ่ม หรือวิธีน้ำหยด รวมทั้งกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช
  • สำหรับสภาพอากาศแห้งในตอนกลางวันจะเหมาะต่อการระบาดของศัตรูจำพวกปากดูด โดยเฉพาะเพลี้ยแป้งและเพลี้ยจักจั่นมะม่วงในมะม่วงที่อยู่ในระยะพักตัวใกล้ออกดอก ทำให้การติดดอกออกผลลดลง

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 14 - 17 พ.ย. มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ในช่วงวันที่ 18-19 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

  • ระยะนี้ยังคงมีฝนตก เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับผลผลิตทางการเกษตรที่ตากทิ้งไว้กลางแจ้ง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จากทะเล
  • สำหรับไม้ผลและพืชผักต่างๆ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินทำให้ยอดและใบอ่อนเสียหาย เกษตรกรจึงหมั่นสำรวจพื้นที่เพาะปลูก หากพบศัตรูพืชดังกล่าวควรรีบกำจัด เพื่อป้องกันการระบาดเป็นบริเวณกว้าง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 14 - 17 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ในช่วงวันที่ 18-19 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส

  • ในช่วงวันที่ 18 – 19 พ.ย. จะมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพื้นที่การเกษตร โดยจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำขังบริเวณแปลงปลูก
  • สำหรับพื้นที่ที่มีฝนตกต่อเนื่อง สภาพอากาศมีความชื้นสูง ชาวสวนยางพารา ไม้ผลและกาแฟ ควรระวังและป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งจะทำให้ต้นพืชเสียหาย ผลผลิตลดลง โดยหมั่นกำจัดวัชพืชภายในสวนให้โล่งเตียน เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
  • ในช่วงวันที่ 18 – 19 พ.ย. บริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นลมแรง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง โดยในช่วงวันที่ 18-19 พ.ย. มีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1- 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส

  • ในช่วงวันที่ 18 – 19 พ.ย. จะมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพื้นที่การเกษตร โดยจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำขังบริเวณแปลงปลูก
  • สำหรับพื้นที่ที่มีฝนตกต่อเนื่อง สภาพอากาศมีความชื้นสูง ชาวสวนยางพารา ไม้ผลและกาแฟ ควรระวังและป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งจะทำให้ต้นพืชเสียหาย ผลผลิตลดลง โดยหมั่นกำจัดวัชพืชภายในสวนให้โล่งเตียน เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ