พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่างวันที่ 18 พฤศจิกายน 2558 - 24 พฤศจิกายน 2558

ข่าวทั่วไป Wednesday November 18, 2015 13:49 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 18 พฤศจิกายน 2558 - 24 พฤศจิกายน 2558

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 18 - 19 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 20-24 พ.ย. อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 17-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.

ในระยะนี้มีหมอกในตอนเช้ากับมีหมอกหนาบางพื้นที่สภาพอากาศเย็นและชื้น เหมาะแก่การระบาดของโรคราแป้งในมะขามหวานซึ่งมักจะเกิดที่ใบอ่อนหรือยอดอ่อน ทำให้ใบบิดงอและร่วง ต้นชะงักการเจริญเติบโต และมีผลต่อคุณภาพของฝักด้วย เกษตรกร ควรหมั่น สำรวจหากพบโรคดังกล่าว ควรรีบกำจัดก่อนที่จะระบาดไปยังต้นอื่นๆ

สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชหลังการทำนา ควรเลือกปลูกพืชที่มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย รวมทั้งควรมีแหล่งน้ำเป็นของตนเองเพื่อป้องน้ำขาดแคลนในระยะเจริญเติบโต

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 18 - 20 พ.ย. มีฝนคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 21-24 พ.ย. อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดภู อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม.

สำหรับสภาพอากาศแห้ง และน้ำระเหยมาก ในตอนกลางวัน เกษตรกรควรคลุมบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ฟางข้าวใบไม้ หรือหญ้าแห้ง เพื่อสงวนความชื้นในดิน รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชทำให้ต้นทรุดโทรม ส่งผลให้ผลผลิตลดลง

สำหรับเกษตรกรที่ต้องการจะปลูกพืชหลังการทำนา ควรเลือกปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย เช่นกระเจี๊ยบแดง พืชตระกูลถั่วและพืชผัก รวมทั้งควรมีแหล่งน้ำเป็นของตนเองเพื่อป้องน้ำขาดแคลนในระยะเจริญเติบโต

ภาคกลาง

มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ส่วนในช่วงวันที่ 20-24 พ.ย. มีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.

ระยะนี้แม้จะมีฝนตกแต่ปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช เกษตรกรควรดูแลให้น้ำเพิ่มเติม โดยคำนึงถึงการประหยัดน้ำ สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชหลังการทำนา ควรเลือกปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อยโดยเฉพาะพืชตระกูลถั่วเพื่อช่วยบำรุงดิน รวมทั้งควรมีแหล่งน้ำเป็นของตนเองเพื่อป้องน้ำขาดแคลนในระยะเจริญเติบโต

ระยะนี้จะมีฝนตกในบางวัน สภาพอากาศชื้น เกษตรกร ควรระวังการระบาดศัตรูพืชจำพวกหนอนในไม้ผล ซึ่งศัตรูพืชดังกล่าวจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืช เช่น ใบอ่อน และยอดอ่อน ทำให้ต้นชะงักการเจริญเติบโต การออกดอก ออกผล ลดลง เกษตรกร ควรหมั่นสำรวจ หากพบศัตรูพืชดังกล่าว ควรรีบกำจัดก่อนที่จะระบาดไปยังต้นอื่นๆ

ภาคตะวันออก

มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

ระยะนี้ จะมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับผลผลิตทางการเกษตรที่ตากทิ้งไว้กลางแจ้ง

เนื่องจากระยะนี้จะมีฝนตก เหมาะแก่การระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผักต่างๆ เกษตรกรจึงควรหมั่นสำรวจพื้นที่เพาะปลูก หากพบศัตรูพืชดังกล่าวควรรีบกำจัด เพื่อป้องกันการระบาดเป็นบริเวณกว้าง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 18 - 24 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส

ในช่วงวันที่ 19 – 24 พ.ย. จะมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรระวังผลกระทบจากฝนตกหนักและป้อง กันความเสียหายที่จะเกิดกับพื้นที่การเกษตร โดยจัดระ บบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้อง กันน้ำขังบริเวณแปลงปลูก

สำหรับชาวสวนผลไม้ควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรครากเน่าโคนเน่า ซึ่งมักระบาดในช่วงที่ดินมีความชื้นสูง

ในช่วงวันที่ 19 – 24 พ.ย. บริเวณอ่าวไทยคลื่นลมจะมีกำลังแรงขึ้น และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง โดยในช่วงวันที่ 18-22 พ.ย. มีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1- 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส

ในช่วงวันที่ 19 – 24 พ.ย. จะมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรระวังผลกระทบจากฝนตกหนักและป้อง กันความเสียหายที่จะเกิดกับพื้นที่การเกษตร โดยจัดระ บบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้อง กันน้ำขังบริเวณแปลงปลูก

สำหรับชาวสวนผลไม้ควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรครากเน่าโคนเน่า ซึ่งมักระบาดในช่วงที่ดินมีความชื้นสูง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ