ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 08 กรกฎาคม 2559 - 14 กรกฎาคม 2559
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 8-10 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 11-14 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.
- ข้าวนาปี(กล้า-แตกกอ) สภาพอากาศชื้นสูง :โรคไหม้ หนอนกระทู้กล้า
- พืชไร่ สภาพอากาศชื้นสูง :โรคราน้ำค้าง โรคใบไหม้ โรคราสนิม
- สัตว์เท้ากีบ อาจมีน้ำท่วมขัง :โรคปากเท้าเปื่อย ไม่ควรปล่อยให้สัตว์อยู่ในที่ชื้นแฉะเป็นเวลานาน
- ไม้ผล สภาพอากาศชื้นสูง :ดูแลสวนให้โปร่ง กำจัดวัชพืช ระวังโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 8-12 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 13-14 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.
- ข้าวนาปี(กล้า-แตกกอ) สภาพอากาศชื้นสูง : โรคไหม้ หนอนกระทู้กล้า , มีฝนตกหนัก : หอยเชอรี่
- มันสำปะหลัง อาจมีน้ำท่วมขัง : โรคหัวเน่าโคนเน่า
- สัตว์เท้ากีบ อาจมีน้ำท่วมขัง : โรคปากเท้าเปื่อย ไม่ควรปล่อยให้สัตว์อยู่ในที่ชื้นแฉะ
- สัตว์น้ำ (ในบ่อ) มีฝนตกหนัก : เสริมขอบบ่อไม่ให้น้ำฝนไหลลงบ่อ และเปิดเครื่องตีน้ำหลังฝนตก เพื่อปรับอุณหภูมิน้ำ เพิ่มออกซิเจน
ภาคกลาง
มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง มีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม.
- ข้าวนาปี (กล้า-แตกกอ) - สภาพอากาศชื้นสูง :โรคไหม้ หนอนกระทู้กล้า
- สุกร สภาพอากาศชื้นสูง : โรคไข้หวัดสุกรควรดูแลโรงเรือนให้โปร่งให้อากาศถ่ายเท เพื่อป้องกันสัตว์ป่วย
- กล้วยไม้ สภาพอากาศชื้นสูง : โรคจุดสนิม โรคเน่าดำ โรคยอดเน่า
ภาคตะวันออก
มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส
- ไม้ผล (แตกใบอ่อน) - สภาพอากาศชื้นสูง : หนอนกินใบ หนอนเจาะลำต้น โรครากเน่าโคนเน่า
- สัตว์ปีก สภาพอากาศชื้นสูง : ดูแลโรงเรือนให้โปร่งอากาศถ่ายเท เพื่อลดความชื้นป้องกันสัตว์ป่วยโดยเฉพาะโรคหวัด
- สัตว์น้ำ (ประมงชายฝั่ง) - คลื่นลมมีกำลังแรง :ในช่วงวันที่ 11-14ก.ค. ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่งควรระวังความเสียหายจากสภาวะคลื่นลมที่มีกำลังแรงขึ้น ส่วนชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-34 องศาเซลเซียส
- ไม้ผล สภาพอากาศชื้นสูง :หนอนเจาะผล โรครากเน่าโคนเน่า , มีฝนตกหนัก : ทำระบบระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันน้ำท่วมขัง
- สัตว์เท้ากีบ อาจมีน้ำท่วมขัง :โรคปากเท้าเปื่อย ไม่ควรปล่อยให้สัตว์อยู่ในที่ชื้นแฉะ
- กาแฟ สภาพอากาศชื้นสูง :โรคราสนิม
- ยางพารา สภาพอากาศชื้นสูง :โรครากขาว โรคราสีชมพู โรคเส้นดำ
- สัตว์น้ำ (ประมงชายฝั่ง) คลื่นลมมีกำลังแรง :ในช่วงวันที่ 11-14 ก.ค. ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่งควรระวังความเสียหายจากสภาวะคลื่นลมที่มีกำลังแรงขึ้น ส่วนชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตขึ้นไป: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ตั้งแต่จังหวัดกระบี่ลงไป: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส
- ไม้ผล สภาพอากาศชื้นสูง :หนอนเจาะผล โรครากเน่าโคนเน่า , มีฝนตกหนัก : ทำระบบระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันน้ำท่วมขัง
- สัตว์เท้ากีบ อาจมีน้ำท่วมขัง :โรคปากเท้าเปื่อย ไม่ควรปล่อยให้สัตว์อยู่ในที่ชื้นแฉะ
- กาแฟ สภาพอากาศชื้นสูง :โรคราสนิม
- ยางพารา สภาพอากาศชื้นสูง :โรครากขาว โรคราสีชมพู โรคเส้นดำ
- สัตว์น้ำ (ประมงชายฝั่ง) คลื่นลมมีกำลังแรง :ในช่วงวันที่ 11-14 ก.ค. ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่งควรระวังความเสียหายจากสภาวะคลื่นลมที่มีกำลังแรงขึ้น ส่วนชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่ง
หมายเหตุ http://www.arcims.tmd.go.th/dailydata/PET7day.php
ปริมาณฝนสะสมเดือนกรกฎาคม (1 – 7) ฝนที่ตกสะสมในระยะนี้ทั่วประเทศยังคงมีฝนตกต่อเนื่องจากเดือนมิถุนายน ซึ่งพอเพียงกับการเพาะปลูกพืช ยกเว้นบริเวณภาคใต้ตอนล่าง และบางพื้นที่ของภาคใต้ตอนบนที่ยังคงมีปริมาณฝนไม่มาก ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช
ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาทั่วประเทศมีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะด้านตะวันออกของภาคเหนือ ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ส่วนบางพื้นที่ของภาคใต้ตอนบนล่าง และ ตอนบนยังคงมีฝนตกน้อย โดยมีฝนสะสมต่ำกว่า 20 มม.
ศักย์การคายระเหยน้ำ : ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาภาคใต้ตอนล่าง มีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสมสูงกว่าบริเวณอื่นๆ ซึ่งจะทำให้เกิดการสูญเสียน้ำจากดินและพืชมากกว่าบริเวณอื่น โดยมีค่าประมาณ 25 - 35 มม.
สมดุลน้ำ : ในช่วง 7 วันที่ผ่านมามีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง โดยปริมาณฝนที่ตกมีค่ามากกว่าปริมาณน้ำที่ระเหยจากดินและการคายน้ำของพืช ทำให้ในหลายพื้นที่มีค่าสมดุลน้ำเป็นบวก เว้นแต่บริเวณบางพื้นที่ของภาคใต้ตอนบน และภาคใต้ตอนล่าง ที่มีค่าสมดุลน้ำเป็นลบ โดยมีค่าอยู่ในช่วง (-1) ถึง (-30) เกษตรกรควรจัดหาน้ำเพิ่มเติมให้แก่พืช
คำแนะนำ : ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาหลายพื้นที่ของประเทศไทยมีฝนตก และในช่วง 7 วันข้างหน้าจะมีฝนตกต่อเนื่องและบางพื้นที่มีเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อพืชที่กำลังขาดน้ำ นอกจากนี้เกษตรกรควรระวังโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา และศัตรูพืชจำพวกหนอน สำหรับบริเวณที่เป็นที่ลุ่มเกษตรควรดูแลระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังเมื่อมีฝนตกหนัก
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74