พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 10 ตุลาคม 2559 - 16 ตุลาคม 2559

ข่าวทั่วไป Monday October 10, 2016 15:57 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 10 ตุลาคม 2559 - 16 ตุลาคม 2559

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 10-12 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ในช่วงวันที่ 13-15 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนล่าง ของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.

  • สัตว์เลี้ยง อากาศเย็น สลับฝนตกบางวัน : ผู้เลี้ยงสัตว์ทางตอนบนของภาค ควรป้องกันการเจ็บป่วยของสัตว์โดยเฉพาะโรคคอบวมในโค-กระบือ และโรคหวัดในสัตว์ปีก รวมทั้งควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้กับสัตว์เลี้ยง ให้ตรงตามกำหนดเวลา
  • พื้นที่การเกษตร พื้นที่การเกษตรที่ถูกน้ำท่วมในระยะที่ผ่านมา หากระดับน้ำลดลงแล้ว เกษตรกรควรรีบระบายน้ำออก ฟื้นฟูสภาพสวนและแหล่งน้ำให้ใช้ได้ดีดังเดิม หากมีต้นไม้ล้มเอนควรผูกยึดให้ตั้งตรง ถ้ามีบาดแผลควรตัดแต่งแผลและทำความสะอาด แล้วทาด้วยสารป้องกันเชื้อรา

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 10-12 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาค ในช่วงวันที่ 13-14 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.

  • ข้าว ฝนตกหนัก อากาศชื้นสูง : แปลงนาข้าวทางตอนล่างของภาคหากข้าวแก่ดีแล้ว ควรรีบเก็บเกี่ยว และระวังโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นโรคไหม้ และการระบาดหนอนกระทู้คอรวง
  • พืชไร่ อากาศชื้นสูง : ควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคราสนิมและโรคราน้ำค้าง ในข้าวโพด โรคหัวมันเน่าและโคนเน่าในมันสำประหลัง เป็นต้น
  • สัตว์เลี้ยง ฝนตกต่อเนื่อง และอากาศเย็นในตอนเช้า : ควรระวังป้องกันการระบาดของโรค เช่น โรคคอบวมในโค-กระบือ โรคปากและเท้าเปื่อยในสัตว์กีบคู่ เช่น สุกร เป็นต้น

ภาคกลาง

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ ตลอดช่วง โดยในช่วงวันที่ 14-16 ต.ค. มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

  • ข้าวนาปี ฝนตกต่อเนื่อง อากาศชื้นสูง : สำหรับนาข้าวที่จะได้รับผลกระทบจากฝนตกหนัก และน้ำเหนือไหลหลาก หากข้าวที่แก่ดีแล้ว ควรรีบเก็บเกี่ยว นอกจากนั้นควรเสริมคันนาเพื่อป้องกันน้ำไหลเข้าท่วมแปลงนาได้รับความเสียหาย
  • ปลาในกระชัง ฝนตกต่อเนื่อง : ตะกอนแขวนลอยและระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน กินอาหารลดลง เครียด อ่อนแอ และน๊อกน้ำตายได้ เกษตรกรควรลดปริมาณปลา และปริมาณอาหารให้น้อยลง หากโตได้ขนาดควรรีบจับขายเพื่อลดความเสี่ยง

ภาคตะวันออก

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ ตลอดช่วง โดยในช่วงวันที่ 14-16 ต.ค. มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1- 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส

  • ไม้ผล ฝนตกต่อเนื่อง ความชื้นสูง : ควรระวังป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรครากเน่าโคนเน่า และศัตรูพืชจำพวกหนอน เช่น หนอนกินใบ และหนอนชอนใบ เป็นต้น
  • สัตว์น้ำ ฝนตกหนัก : เกษตรกรไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อเพราะจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยน สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย และหลังฝนตกควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อ ให้น้ำผสมเป็นเนื้อเดียวกันป้องกันน้ำแยกชั้น

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส

  • ไม้ผล ฝนตกต่อเนื่อง อากาศมีความชื้นสูง : ระวังโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรครากเน่าโคนเน่าในทุเรียน โรคผลเน่าในเงาะและทุเรียน เป็นต้น
  • กาแฟ ฝนตกต่อเนื่อง อากาศมีความชื้นสูง ชาวสวนกาแฟควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคราสนิม โดยดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
  • ยางพารา ฝนตกติดต่อกัน: ระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคใบยางร่วงลูกยางเน่า โรคเส้นดำ และโรคราสีชมพู เป็นต้น

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ ตลอดช่วง กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส

  • ไม้ผล ฝนตกต่อเนื่อง อากาศมีความชื้นสูง : ระวังโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรครากเน่าโคนเน่าในทุเรียน โรคผลเน่าในเงาะและทุเรียน เป็นต้น
  • กาแฟ ฝนตกต่อเนื่อง อากาศมีความชื้นสูง ชาวสวนกาแฟควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคราสนิม โดยดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
  • ยางพารา ฝนตกติดต่อกัน: ระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคใบยางร่วงลูกยางเน่า โรคเส้นดำ และโรคราสีชมพู เป็นต้น

รายงานสถานการณ์สมดุลน้ำใน 7 วันที่ผ่านมา และการคาดการณ์ผลกระทบต่อการเกษตรในวันที่ 10-16 ตุลาคม 2559

ปริมาณฝนสะสมเดือน ตุลาคม (วันที่ 1-9 ต.ค.)ที่ผ่านมาบริเวณประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่องจากเดือนกันยายน ส่วนใหญ่มีปริมาณฝนตกสะสมอยู่ระหว่าง 50-200 มม. ซึ่งมีฝนสะสมสูงสุดบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตกประมาณ 100-300 มม.ส่วนบริเวณภาคเหนือตอนบนด้านตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีปริมาณฝนสะสม ต่ำกว่า 50 มม.เป็นส่วนมาก

ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา บริเวณประเทศไทยตอนบนมีปริมาณฝนสะสมมากว่า 40 มม. ส่วนบางพื้นที่ของภาคเหนือตอนบนด้านตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนสะสมน้อยกว่า 40 มม.

ศักย์การคายระเหยน้ำ ระยะที่ผ่านมาบริเวณประเทศไทยส่วนใหญ่มีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสมอยู่ระหว่าง 20-25 มม. เว้นแต่ภาคเหนือตอนบนด้านตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่างมีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสมมากว่าบริเวณอื่น โดยมีค่าอยู่ระหว่าง 25-30 มม.

สมดุล ระยะที่ผ่านมาค่าสมดุลน้ำส่วนใหญ่เป็นบวก โดยมีค่าสมดุลที่เป็นบวกมากอยู่เป็นบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีค่าสมดุลเกิน 70 มม. เว้นแต่บางพื้นที่บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่างมีค่าสมดุลเป็นลบอยู่ระหว่าง (-10)ถึง(-30) มม.

คำแนะนำ ในช่วง7วันที่ผ่านมามีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ทำให้มีค่าสมดุลน้ำเป็นบวกในหลายพื้นที่ ส่วนบางพื้นที่มีค่าสมดุลน้ำเป็นลบโดยเฉพาะภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่าง และในช่วง7วันข้างหน้า ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องซึ่งจะเป็นผลดีต่อพืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต สำหรับพื้นที่การเกษตรในที่ลุ่ม เกษตรกรบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก ควรดูแลระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ ป้องกันน้ำท่วมขังเวลามีฝนตกหนัก เนื่องจากฝนตกที่ตกทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจาก เชื้อรา ในพืชไร่ ไม้ผลและพืชผักเอาไว้ด้วย ส่วนภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่างที่มีค่าสมดุลย์น้ำเป็นลบ เกษตรกรควรพิจารณาให้น้ำเพิ่มเติม

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ