พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 21 ตุลาคม 2559 - 27 ตุลาคม 2559

ข่าวทั่วไป Friday October 21, 2016 15:31 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 21 ตุลาคม 2559 - 27 ตุลาคม 2559

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 21-23 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 24-27 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.

  • สัตว์เลี้ยง อากาศเปลี่ยนแปลง : ผู้เลี้ยงสัตว์ทางตอนบนของภาค ควรป้องกันการเจ็บป่วยของสัตว์โดยเฉพาะโรคคอบวมในโค-กระบือ และโรคหวัดในสัตว์ปีก รวมทั้งควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้กับสัตว์เลี้ยง
  • ข้าวนาปี ปริมาณฝนเพิ่มขึ้น : สำหรับข้าวที่อยู่ในระยะออกรวงใกล้เก็บเกี่ยว ชาวนาควรระบายน้ำออกจากแปลงนาหลังข้าวออกดอกประมาณ 15 วัน ในบริเวณที่ดินเป็นดินเหนียว หรือประมาณ 20 วันในบริเวณที่ดินเป็นดินทราย เพื่อเร่งข้าวให้สุกแก่เร็วขึ้น
  • พื้นที่การเกษตร ช่วงวันที่ 24 -27 ต.ค. จะมีฝนเพิ่มขึ้น เกษตรกร ควรกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงที่มีฝนตกน้อย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 21-22 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 23-26 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.

  • สัตว์เลี้ยง อากาศเปลี่ยนแปลง : ผู้เลี้ยงสัตว์ทางตอนบนของภาค ควรป้องกันการเจ็บป่วยของสัตว์โดยเฉพาะโรคคอบวมในโค-กระบือ และโรคหวัดในสัตว์ปีก รวมทั้งเตรียมวัสดุและอุปกรณ์กันหนาว เอาไว้ให้พร้อม สำหรับฤดูหนาวที่จะมาถึง
  • ข้าวนาปี ปริมาณฝนเพิ่มขึ้น : สำหรับข้าวที่อยู่ในระยะออกรวงใกล้เก็บเกี่ยว ชาวนาควรระบายน้ำออกจากแปลงนาหลังข้าวออกดอกประมาณ 15 วัน ในบริเวณที่ดินเป็นดินเหนียว หรือประมาณ 20 วันในบริเวณที่ดินเป็นดินทราย เพื่อเร่งข้าวให้สุกแก่เร็วขึ้น
  • พื้นที่การเกษตร ช่วงวันที่ 23 -26 ต.ค. จะมีฝนเพิ่มขึ้น เกษตรกร ควรกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงที่มีฝนตกน้อย

ภาคกลาง ในช่วงวันที่ 21-23 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 24-27 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

  • ข้าวนาปี หรับนาข้าวที่ถูกน้ำท่วมเสียหายในช่วงที่ผ่านมา ที่ไม่สามารถพื้นฟูได้ ชาวนาที่จะปลูกข้าวรอบใหม่ควรอยู่ในเขตชลประทาน หากอยู่นอกเขตชลประทานควรเปลี่ยนไปปลูกพืชอายุสั้นและใช้น้ำน้อยแทน
  • สัตว์เลี้ยง เกษตรกรไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ชื้นแฉะเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้สัตว์เลี้ยงอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย โดยเฉพาะโรคปากและเท้าเปื่อยในสัตว์เท้ากีบ
  • พืชไร่ เนื่องจากระยะนี้ดินและอากาศยังคงมีความชื้นสูง ผู้ที่ปลูกพืชไร่ควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นโรคแส้ดำในอ้อย โรคราสนิมในข้าวโพด เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ต้นพืชเสียหาย ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ

ภาคตะวันออก

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ตลอดช่วง โดยในช่วงวันที่ 23-25 ต.ค. มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ในช่วงวันที่ 21-24 ต.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 25-27 ต.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส

  • ไม้ผล ระยะนี้ดินและอากาศยังคงมีความชื้นสูง เกษตรกร ควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ชาวสวนควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน
  • พื้นที่การเกษตร ปริมาณฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนัก : ทางตอนบนของภาคเกษตรกรควรกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงที่มีฝนตกน้อย ส่วนพื้นที่การเกษตรที่เป็นที่ลุ่ม บริเวณจังหวัดจันทบุรีและตราด เกษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังเมื่อมีฝนตกหนัก
  • ประมงชายฝั่ง ในช่วงวันที่ 21-24 ต.ค. อ่าวไทยตอนบนจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 2-3 เมตร ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งควรระวังป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 21-25 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบนของภาค ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 26-27 ต.ค.มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส

  • พื้นที่การเกษตร ปริมาณและการกระจายของฝนจะเพิ่มขึ้น : พื้นที่การเกษตรที่เป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำให้มีประสิธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังเมื่อมีฝนตกหนัก
  • ไม้ผล สำหรับไม้ผลที่เก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้ว เกษตรกรควรตัดแต่งกิ่งและขั้วผลแล้วทาด้วยสารป้องกันเชื้อรา รวมทั้งไม่ควรกองเปลือกและผลที่เน่าเสียร่วงหล่น เอาไว้ในบริเวณสวน เพราะจะเป็นแหล่งอาศัยหลบซ่อนของโรคและศัตรูพืช โดยเฉพาะโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งสามารถระบาดจากเปลือกและผลที่เน่าเสียมาสู่ต้นพืชได้

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 21-25 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบนของภาค ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 26-27 ต.ค.มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศาเซลเซียส

  • พื้นที่การเกษตร ปริมาณและการกระจายของฝนจะเพิ่มขึ้น : พื้นที่การเกษตรที่เป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำให้มีประสิธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังเมื่อมีฝนตกหนัก
  • ไม้ผล สำหรับไม้ผลที่เก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้ว เกษตรกรควรตัดแต่งกิ่งและขั้วผลแล้วทาด้วยสารป้องกันเชื้อรา รวมทั้งไม่ควรกองเปลือกและผลที่เน่าเสียร่วงหล่น เอาไว้ในบริเวณสวน เพราะจะเป็นแหล่งอาศัยหลบซ่อนของโรคและศัตรูพืช โดยเฉพาะโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งสามารถระบาดจากเปลือกและผลที่เน่าเสียมาสู่ต้นพืชได้
  • ประมงชายฝั่ง ในช่วงวันที่ 21-24 ต.ค. ทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งควรระวังป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

หมายเหตุ http://www.arcims.tmd.go.th/dailydata/PET7day.php

ปริมาณฝนสะสมเดือนตุลาคม(1-20)พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศไทยมีปริมาณฝนตกสะสม 50-100 ม. ยกเว้นบริเวณ จังหวัดน่าน เพชรบรูณ์ สกลนคร และนครพนม ที่มีปริมาณฝนตกสะสมน้อยกว่า 50 มม. ส่วนบริเวณที่มีฝนสะสมมากกว่า 100 มม. ได้แก่ บริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง พังงา และสุราษฎร์ธานี

ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา ประเทศไทยมีฝนตกเกือบทั่วไป ส่วนใหญ่มีปริมาณฝนสะสมตั้งแต่ 20-100 มม. เว้นแต่บริเวณที่มีฝนตกหนักมากทางภาคใต้ฝั่งตะวันตก ซึ่งปริมาณฝนสะสม>100 มม. ส่วนบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลางมีฝนสะสมต่ำกว่า 10 มม.

ศักย์การคายระเหยน้ำ ในช่วง 7 วันที่ผ่านมากบริเวณประเทศไทยตอนบนมีศักย์การคายระเหยน้ำสะสมอยู่ตั้งแต่ 20-30 มม.

สมดุลน้ำ ในช่วง 7 วันที่ผ่านมามีฝนตกหนักบางพื้นที่ ทำให้ในบางพื้นที่ค่สมดุลน้ำเป็นบวก เช่น บางพื้นที่ภาคกลางตอนล่าง และภาคใต้ เป็นต้น ส่วนบางพื้นที่มีฝนตกน้อยในระยะที่ผ่านมาค่าสมดุลน้ำยังคงเป็นลบ เช่น บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและบางพื้นที่ของภาคกลาง

คำแนะนำ ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาบริเวรประเทศไทยตอนบน ซึ่งมีฝนตกน้อยทำให้ค่าสมดุลน้ำเป็นลบและในช่วง7 วันข้างหน้าปริมาณฝนจะเพิ่มขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ซึ่งจะเป็นผลดีต่อพืชทางการเกษตร อย่างไรก็ตามบริเวรที่มีฝนตกน้อยเกษตรกร ควรดูแลให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติมตามความเหมาะสม เพื่อป้องกันพืชชะงักการเจริญเติบโตและกระทบต่อผลผลิตในระยะต่อไป ส่วนบริเวณที่มีค่าสมดุลน้ำเป็นบวก โดยเฉพาะถาคใต้ฝั่งตะวันตกและภาคตะวันออกควรเร่งระบายน้ำที่ท่วมขังออกจากแปลงปลูกเพื่อป้องกันพืชขาดอากาศอาจยืนต้นตายได้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ