พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 30 มกราคม 2560 - 05 กุมภาพันธ์ 2560

ข่าวทั่วไป Monday January 30, 2017 14:39 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 30 มกราคม 2560 - 05 กุมภาพันธ์ 2560

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 31 ม.ค.- 1 ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาว และอุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 15-20 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 2-5 ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียสอุณหภูมิต่ำสุด 12-18 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-13 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

  • พืชไร่/ พืชผัก สำหรับอากาศเย็นและชื้นในตอนเช้า เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรคราน้ำค้างในพืชผัก และโรคราสนิมในถั่วเหลือง ซึ่งจะทำให้ต้นชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตเสียหายได้
  • ไม้ผล ไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอก เช่น ลิ้นจี่และลำไย เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมอย่างเพียงพอ โดยเริ่มจากปริมาณน้อยๆแล้วค่อยเพิ่มปริมาณมากขึ้น หากขาดน้ำจะทำให้ดอกร่วงหล่น การติดผลลดลง รวมทั้งระวังการระบาดของศัตรูพืชโดยเฉพาะมวนลำไยที่จะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นพืชทรุดโทรม ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ
  • สัตว์เลี้ยง สภาพอากาศที่หนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง เกษตรกรควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือนให้แก่สัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันสัตว์หนาวเย็น จนอ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย โดยเฉพาะโรคหวัดในสัตว์ปีก

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 31 ม.ค.- 1 ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาว และอุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 2-5 ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 14-20 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

  • พื้นที่การเกษตร สำหรับสภาพอากาศแห้ง ทำให้น้ำระเหยไปจากดินและพืชได้มาก เกษตรกรควรดูแลพืชที่ปลูก โดยควรให้น้ำเพิ่มเติมและคลุมดินบริเวณโคนต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำ และรักษาความชื้นในดิน รวมทั้งระวังศัตรูพืชจำพวกปากดูด ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้พืชทรุดโทรม เช่น เพลี้ยแป้งและไรแดงในพืชไร่และพืชผัก
  • สัตว์น้ำ ช่วงที่มีอุณหภูมิลดลงส่งผลให้อุณหภูมิน้ำลดลง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อปรับอุณหภูมิน้ำและเป็นการเพิ่มออกซิเจน รวมทั้งลดอาหารให้น้อยลง เพราะสัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะทำให้ น้ำเน่าเสียได้ ส่งผลให้ปลาอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 30 ม.ค.- 1 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 2-5 ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

  • สัตว์เลี้ยง ระยะนี้มีอากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อย ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรระวังการเจ็บป่วย โดยเฉพาะโรคหวัดในสัตว์ปีก เกษตรกรควรหมั่นสำรวจหากพบสัตว์เจ็บป่วยควรแยกออกจากกลุ่มและรีบทำการรักษา
  • พืชไร่ สำหรับสภาพอากาศแห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันเพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ

ภาคตะวันออก

อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

  • ไม้ผล สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอกและติดผลอ่อน เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ หากขาดน้ำจะทำให้ดอกและผลอ่อนชะงักการเจริญเติบโต และร่วงหล่น รวมทั้งควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยและไรชนิดต่างๆ
  • สัตว์น้ำ ช่วงที่อุณหภูมิลดลง เกษตรกรควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อปรับอุณหภูมิน้ำไม่ให้เปลี่ยนแปลงมาก รวมทั้งควรลดอาหารลง เนื่องจากสภาพอากาศเปลี่ยน สัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อยอาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย เป็นเหตุให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 30 ม.ค.- 2 ก.พ. มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 3-5 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตรอุณหภูมิต่ำสุด 18-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียส

  • พื้นที่การ เกษตร ทางตอนบนของภาคอากาศแห้ง ทำให้น้ำระเหยออกจากต้นพืชมาก เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูก เพื่อลดการระเหยของน้ำ และรักษาความชื้นในดิน รวมทั้งระวังศัตรูพืชจำพวกปากดูด ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้พืชทรุดโทรม เช่น เพลี้ยแป้งและไรแดงในพืชไร่และพืชผัก ส่วนพื้นที่การเกษตรทางตอนกลางและตอนล่างของภาคหากปริมาณฝนลดลงแล้ว เกษตรกรควรรีบระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูกอย่าให้น้ำขังบริเวณโคนต้นพืชนาน เพราะจะทำให้รากพืชเน่าต้นพืชตายได้ และควรรีบพื้นฟูสภาพสวนและแหล่งน้ำให้ใช้ได้ดีดังเดิม
  • สัตว์เลี้ยง เนื่องจากมีฝนที่ตกต่อเนื่องกับมีน้ำท่วมขัง เกษตรกรควรป้องกันการเจ็บป่วยของสัตว์ โดยเฉพาะโรคคอบวม และโรคปากและเท้าเปื่อยในโคและกระบือ รวมทั้งควรหมั่นสังเกต หากพบสัตว์ป่วยควรแยกออกจากกลุ่ม และรีบรักษา

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 30 ม.ค.- 2 ก.พ. มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 3-5 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส

  • พื้นที่การ เกษตร ทางตอนบนของภาคอากาศแห้ง ทำให้น้ำระเหยออกจากต้นพืชมาก เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูก เพื่อลดการระเหยของน้ำ และรักษาความชื้นในดิน รวมทั้งระวังศัตรูพืชจำพวกปากดูด ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้พืชทรุดโทรม เช่น เพลี้ยแป้งและไรแดงในพืชไร่และพืชผัก ส่วนพื้นที่การเกษตรทางตอนกลางและตอนล่างของภาคหากปริมาณฝนลดลงแล้ว เกษตรกรควรรีบระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูกอย่าให้น้ำขังบริเวณโคนต้นพืชนาน เพราะจะทำให้รากพืชเน่าต้นพืชตายได้ และควรรีบพื้นฟูสภาพสวนและแหล่งน้ำให้ใช้ได้ดีดังเดิม
  • สัตว์เลี้ยง เนื่องจากมีฝนที่ตกต่อเนื่องกับมีน้ำท่วมขัง เกษตรกรควรป้องกันการเจ็บป่วยของสัตว์ โดยเฉพาะโรคคอบวม และโรคปากและเท้าเปื่อยในโคและกระบือ รวมทั้งควรหมั่นสังเกต หากพบสัตว์ป่วยควรแยกออกจากกลุ่ม และรีบรักษา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ