พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 03 กุมภาพันธ์ 2560 - 09 กุมภาพันธ์ 2560

ข่าวทั่วไป Friday February 3, 2017 14:45 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 03 กุมภาพันธ์ 2560 - 09 กุมภาพันธ์ 2560

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 4-7 ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 12-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-11 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ในช่วงวันที่ 8-9 ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 14-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม.

  • เกษตรกรระยะนี้อากาศเย็นถึงหนาวโดยเฉพาะทางตอนบนของภาคจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณอื่นๆ และในช่วงวันที่ 4-7 ก.พ. อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • สัตว์น้ำในช่วงวันที่ 4-7 ก.พ. อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อากาศจะหนาวเย็นลงอาจ ทำให้สัตว์น้ำเครียด กินอาหารได้น้อย ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำจึงควรลดปริมาณอาหารที่ให้ตามความเหมาะสม เพื่อป้องกันอาหารเหลือ ซึ่งจะทำให้น้ำเน่าเสีย รวมทั้งควรให้อาหารในช่วงเวลาที่มีแสงแดด เพราะจะทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้มากขึ้น

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 4-7 ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 12-17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 7-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ในช่วงวันที่ 8-9 ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะสูงขึ้น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

  • เกษตรกรระยะนี้อากาศเย็นถึงหนาวโดยเฉพาะทางตอนบนของภาคจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณอื่นๆ และในช่วงวันที่ 4-7 ก.พ. อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • สัตว์น้ำในช่วงวันที่ 4-7 ก.พ. อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อากาศจะหนาวเย็นลงอาจ ทำให้สัตว์น้ำเครียด กินอาหารได้น้อย ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำจึงควรลดปริมาณอาหารที่ให้ตามความเหมาะสม เพื่อป้องกันอาหารเหลือ ซึ่งจะทำให้น้ำเน่าเสีย รวมทั้งควรให้อาหารในช่วงเวลาที่มีแสงแดด เพราะจะทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้มากขึ้น

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 4-7 ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 8-9 ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะสูงขึ้น อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

  • เกษตรกรระยะนี้อากาศเย็นถึงหนาวโดยเฉพาะทางตอนบนของภาคจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณอื่นๆ และในช่วงวันที่ 4-7 ก.พ. อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • พืชไร่ระยะนี้จะมีอากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้า เกษตรกรที่ปลูกพืชไร่และผักชนิดต่างๆ ควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคราน้ำค้าง ซึ่งจะทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 4-7 ก.พ. อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 18-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 8-9 ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะสูงขึ้น อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียสลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

  • เกษตรกรระยะนี้อากาศเย็นถึงหนาวโดยเฉพาะทางตอนบนของภาคจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณอื่นๆ และในช่วงวันที่ 4-7 ก.พ. อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • ไม้ผลระยะนี้แม้จะมีฝนตกแต่ปริมาณน้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำของพืชโดยเฉพาะไม้ผลที่กำลังติดผลอ่อน ชาวสวนจึงควรดูแลให้น้ำเพิ่มเติม รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 3-5 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 6-8 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส

  • พื้นที่การเกษตรสำหรับพื้นที่การเกษตรที่ถูกน้ำท่วมในระยะ ที่ผ่านมา เกษตรกรควรรีบพื้นฟูสภาพสวนและแหล่งน้ำให้ใช้ได้ดีดังเดิม
  • ยางพาราระยะนี้ปริมาณฝนลดลงกว่าระยะที่ผ่านมา แต่ปริมาณน้ำในดินยังคงมีอยู่มาก ชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคใบยางร่วงลูกยางเน่า เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ต้นพืชเสียหาย และอาจตายได้ โดยบริเวณที่น้ำลดลงแล้ว ชาวสวนควรกำจัดวัชพืชในสวนยางให้โล่งเตียน เพื่อลดความชื้นและความรุนแรงของโรค

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 3-5 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 6-9 ก.พ. มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส

  • พื้นที่การเกษตรสำหรับพื้นที่การเกษตรที่ถูกน้ำท่วมในระยะ ที่ผ่านมา เกษตรกรควรรีบพื้นฟูสภาพสวนและแหล่งน้ำให้ใช้ได้ดีดังเดิม
  • ยางพาราระยะนี้ปริมาณฝนลดลงกว่าระยะที่ผ่านมา แต่ปริมาณน้ำในดินยังคงมีอยู่มาก ชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคใบยางร่วงลูกยางเน่า เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ต้นพืชเสียหาย และอาจตายได้ โดยบริเวณที่น้ำลดลงแล้ว ชาวสวนควรกำจัดวัชพืชในสวนยางให้โล่งเตียน เพื่อลดความชื้นและความรุนแรงของโรค

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ