พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 06 มีนาคม 2560 - 12 มีนาคม 2560

ข่าวทั่วไป Monday March 6, 2017 14:43 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 06 มีนาคม 2560 - 12 มีนาคม 2560

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 8-9 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่และมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 14-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 6-7 และ 10-12 มี.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาบางพื้นที่ โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 17-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-11 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม. /ชม.

  • ผลผลิตทางการเกษตร เนื่องจากระยะนี้จะมีหมอกและน้ำค้างในตอนเช้า เกษตรกร ควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิต ไว้กลางแจ้งข้ามคืน เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้ ส่วนในช่วงวันที่ 8-9 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกษตรกรควรระวังความเสียหายกับพืชผลทางการเกษตร ส่วนผลผลิตที่แก่ดีแล้วควรรีบเก็บเกี่ยว และหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตไว้กลางแจ้งในช่วงนี้
  • ไม้ผล สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะผลอ่อน เช่น ลิ้นจี่และลำไย เกษตรกรควรดูแลให้น้ำอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้ผลชะงักการเจริญเติบโต ผลร่วงหล่นและด้อยคุณภาพ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 7-10 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่และมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 11-12 มี.ค. มีหมอกในตอนเช้า กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.

  • ข้าว ระยะนี้จะมีหมอกในตอนเช้า ส่วนในตอนกลางวันจะมีอากาศร้อน อุณหภูมิต่ำสุด 18-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-37 องศาเซลเซียส สำหรับข้าว นาปรังที่กำลังแตกกอ ชาวนาควรระวังและป้องกันการระบาดของโรค เช่น โรคไหม้ โรคขอบใบแห้งและศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยชนิดต่างๆ
  • ผลผลิตทางการเกษตร ในช่วงวันที่ 7 – 10 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดกับอาคารบ้านเรือน และพืชผลทางการเกษตร ผลผลิตที่แก่ดีแล้วควรรีบเก็บเกี่ยว และหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตไว้กลางแจ้งในช่วงนี้

ภาคกลาง

ในวันที่ 7-9 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่และมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 10-12 มี.ค. มีหมอกในตอนเช้า กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

  • พืชผัก ระยะนี้แม้จะมีฝนแต่ปริมาณไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตกรควรจัดหาน้ำให้แก่พืชตามความเหมาะสม นอกจากนี้ควรระวังป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนชนิดต่างๆ เช่น หนอนใยผักในพืชตระกูลกะหล่ำและผักกาด ซึ่งช่วงนี้สภาพอากาศเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของศัตรูพืชดังกล่าว
  • พืชไร่ / ไม้ผล / ไม้ดอก ในช่วงวันที่ 7-9 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรระวังความเสียหายกับพืชผลทางการเกษตร ส่วนผลผลิตที่แก่ดีแล้วควรรีบเก็บเกี่ยว และหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตไว้กลางแจ้งในช่วงดังกล่าว

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 7-10 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่และมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ส่วนในวันที่ 11-12 มี.ค. มีหมอกในตอนเช้า กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

  • ไม้ผล ระยะนี้มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีอุณหภูมิต่ำสุด 22-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ทำให้มีน้ำระเหยจากดินและพืชมาก สำหรับ ไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล ชาวสวนควรดูแลให้น้ำสม่ำเสมอและเพียงพอ เพื่อป้องกันผลแคระแกร็นและร่วงหล่น รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด นอกจากนี้ควรระวังความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตรเนื่องจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 7-10 มี.ค.ไว้ด้วย
  • ยางพารา ระยะนี้มีสภาพอากาศร้อนในตอนกลางวัน ประกอบกับยางพาราอยู่ระยะผลัดใบ ชาวสวนควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบแปลงปลูกและสำรวจแปลงปลูกสม่ำเสมอ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

  • พืชผัก ระยะนี้แม้จะมีฝนตกแต่ปริมาณน้อยประกอบกับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน การคายน้ำจากดินและพืชเพิ่มมากขึ้น ทำให้ปริมาณน้ำที่เหลืออาจไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติม เพื่อป้องกันพืชชะงักการเจริญเติบโต ส่วนบริเวณที่มีฝนตกเกษตรกรควรเก็บกักไว้ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในระยะต่อไป
  • ไม้ผล เนื่องจากระยะนี้มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ประกอบกับไม้ผล เช่น ทุเรียน ซึ่งกำลังแทงช่อดอก ชาวสวนควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ดอกร่วงหล่น การติดผลลดลง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

  • พืชผัก ระยะนี้แม้จะมีฝนตกแต่ปริมาณน้อยประกอบกับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน การคายน้ำจากดินและพืชเพิ่มมากขึ้น ทำให้ปริมาณน้ำที่เหลืออาจไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติม เพื่อป้องกันพืชชะงักการเจริญเติบโต ส่วนบริเวณที่มีฝนตกเกษตรกรควรเก็บกักไว้ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในระยะต่อไป
  • ไม้ผล เนื่องจากระยะนี้มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ประกอบกับไม้ผล เช่น ทุเรียน ซึ่งกำลังแทงช่อดอก ชาวสวนควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ดอกร่วงหล่น การติดผลลดลง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ