ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 03 เมษายน 2560 - 09 เมษายน 2560
ภาคเหนือ
อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม. /ชม.
- พื้นที่การเกษตรระยะนี้จะมีฝนตกน้อยและอากาศจะร้อนขึ้น พื้นที่การเกษตรโดยเฉพาะทางตอนบนของภาคเกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัยและไฟป่า โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก อาคารบ้านเรือน ตลอดจนโรงเก็บพืชผลทางด้านการเกษตร
- ไม้ผล ระยะนี้แม้จะมีฝนตกแต่ในบางพื้นที่โดยเฉพาะบริเวณด้านตะวันตกของภาคปริมาณและการกระจายยังไม่ครอบคลุมพื้นที่การเกษตรประกอบกับในช่วงที่ผ่านมามีฝนตกน้อย ดังนั้นชาวสวนผลไม้ เช่น ลำไย ซึ่งกำลังเจริญเติบโตทางผล ชาวสวนควรดูแลให้น้ำเพิ่มเติม เพื่อป้องกันผลผลิตชะงักการเจริญเติบโตและแคระแกร็น รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืช เช่น หนอนเจาะขั้วผลและมวนลำไย ซึ่งจะทำให้ผลผลิตเสียหายได้
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 3-5 เม.ย.มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 6-9 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.
- ผลผลิตการเกษตร ในช่วงวันที่ 3- 5 เม.ย. จะมีฝนลดลง และมีแดดจัดในตอนกลางวัน เกษตรกรควรนำผลผลิตที่เปียกชื้น มาลดความชื้นก่อนเข้าโรงเก็บ ส่วนในวันที่ 6 - 9 เม.ย. จะมีฝนเพิ่มขึ้นส่วนมากทางตอนล่างของภาค เกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดกับอาคารบ้านเรือนและพืชผลทางการเกษตร ส่วนบริเวณที่มีฝนตก เกษตรกรควรกักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงที่มีฝนตกน้อย
- พืชผัก ระยะนี้จะมีฝนตกน้อยและมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ประกอบกับแม้ในช่วงที่ผ่านมาจะมีฝนตกแต่ปริมาณฝนที่ตกน้อยกว่าปริมาณน้ำที่สูญเสียจากการคายน้ำและการระเหยน้ำจากดินและพืช ดังนั้นเกษตรกรที่ปลูกพืชผักชนิดต่างๆ ยังคงต้องจัดหาน้ำให้แก่พืชที่ปลูกเพิ่มเติมตามความเหมาะสมและคลุมโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อสงวนความชื้นในดิน รวมทั้งระวังศัตรูพืชจำพวกหนอน เช่น หนอนใยผัก และหนอนเจาะผล เป็นต้น
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 3-5 เม.ย. อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 6-9 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.
- ผลผลิตการเกษตร ระยะนี้บริเวณตอนล่างของภาคจะมีฝนตก สำหรับผลผลิตทางการเกษตรที่แก่ดีแล้ว เกษตรกรควรรีบเก็บเกี่ยว และหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตไว้กลางแจ้ง รวมทั้งควรกักเก็บน้ำไว้ใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงที่มีฝนตกน้อย
- ข้าว ระยะนี้มีฝนตกน้อยและจะมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ประกอบกับแม้ในช่วงที่ผ่านมาจะมีฝนตกแต่ปริมาณฝนที่ตกน้อยกว่าปริมาณน้ำที่สูญเสียจากการคายน้ำและการระเหยน้ำจากดินและพืช ดังนั้นเกษตรกรยังคงต้องจัดหาน้ำให้แก่ข้าวโดยเฉพาะแปลงนาที่ข้าวกำลังตั้งท้องและออกรวงเพื่อป้องกันไม่ให้ข้าวมีเมล็ดลีบมาก รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยชนิดต่างๆไว้ด้วย
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 3-5 เม.ย. อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 6-9 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
- ผลผลิตการเกษตรในช่วงวันที่ 6-9 เม.ย.จะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ เกษตรกรควรระวังความเสียหายกับพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล เช่น ทุเรียนและมังคุด เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ผลร่วงหล่นเสียหาย
- ไม้ผล/พืชผักระยะนี้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง สภาพอากาศชื้น ซึ่งเหมาะต่อการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราเกษตรกรควรดูแลแปลงปลูกให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวนป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อรา รวมทั้งระวังการระบาดศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืชทำให้ต้นพืช ชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ในช่วงวันที่ 3-6 เม.ย.มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 7-9 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 2-3 เมตร
- พื้นที่การเกษตร ระยะนี้จะมีฝนตกต่อเนื่องโดยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่งในช่วงวันที่ 3-6 เม.ย. ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาหลายพื้นที่ทางตอนกลางและตอนล่างของภาคมีฝนตกหนัก ทำให้มีปริมาณน้ำสะสมในดินมาก ดังนั้นเกษตรกรควรป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว โดยปรับปรุงระบบระบายน้ำออกจากแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันท่วมขังบริเวณแปลงปลูก
- ยางพาราบริเวณตอนกลางและตอนล่างของภาค สภาพอากาศชื้นสูงเนื่องจากมีฝนตกต่อเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาและในช่วงนี้จะยังคงมีฝนตกต่อไปอีก เกษตรกรควรดูแลสวนให้โปร่ง อากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
- ประมงชายฝั่ง ระยะนี้ภาคใต้ฝั่งตะวันออกจะมีคลื่นลมแรงโดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตรชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
ในช่วงวันที่ 3-6 เม.ย.มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 7-9 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
- พื้นที่การเกษตร ระยะนี้จะมีฝนตกต่อเนื่องโดยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่งในช่วงวันที่ 3-6 เม.ย. ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาหลายพื้นที่ทางตอนกลางและตอนล่างของภาคมีฝนตกหนัก ทำให้มีปริมาณน้ำสะสมในดินมาก ดังนั้นเกษตรกรควรป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว โดยปรับปรุงระบบระบายน้ำออกจากแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันท่วมขังบริเวณแปลงปลูก
- ยางพาราบริเวณตอนกลางและตอนล่างของภาค สภาพอากาศชื้นสูงเนื่องจากมีฝนตกต่อเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาและในช่วงนี้จะยังคงมีฝนตกต่อไปอีก เกษตรกรควรดูแลสวนให้โปร่ง อากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74