พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 08 พฤษภาคม 2560 - 14 พฤษภาคม 2560

ข่าวทั่วไป Monday May 8, 2017 14:47 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 08 พฤษภาคม 2560 - 14 พฤษภาคม 2560

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 9-10 และ 13-14 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง ส่วนในช่วงวันที่ 11-12 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

  • เกษตรกร เนื่องจากระยะนี้เป็นช่วงปลายฤดูร้อน สภาพอากาศจะแปรปรวน โดยมีอากาศร้อนและมีฝนตกในบางวัน เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยหากร่างกายปรับตัวไม่ทัน
  • พื้นที่การเกษตร สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในช่วงฤดูฝนนี้ ควรจัดเตรียมดินเอาไว้ให้พร้อม และทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันน้ำขังในพื้นที่เพาะปลูกส่งผลให้เกิดโรคพืชจากเชื้อรา
  • ไม้ผล สำหรับไม้ผล ที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผลและผลแก่ เช่นลิ้นจี่และลำไย เกษตรกรไม่ควรปล่อยให้ผลที่ร่วงหล่น ศัตรูพืชทำลาย และเน่าเสียกองอยู่ในบริเวณสวนแต่ควรนำไปกำจัดให้ถูกวิธีโดยเผาหรือฝังให้ลึก เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของโรคและศัตรูพืช

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 9-10 และ 13-14 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง ส่วนในช่วงวันที่ 11-12 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

  • เกษตรกร ระยะนี้สภาพอากาศแปรปรวน โดยมีอากาศร้อนและมีฝนตก เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • พื้นที่การเกษตร เกษตรกรที่เตรียมดินสำหรับปลูกพืชในช่วงฤดูฝนนี้ควรเตรียมพื้นที่เพาะปลูกและดินให้มีการระบายน้ำที่ดี เพื่อป้องกันน้ำขังในแปลงปลูก ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคที่เกิดจากเชื้อรา และควรหันหัวแปลงปลูกตามทิศทางลม เพิ่อลดความชื้นสะสมภายในแปลงปลูก
  • พืชไร่ สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในช่วงฤดูฝนนี้ ควรชุบท่อนพันธุ์และเมล็ดพันธุ์ด้วยสารป้องกันเชื้อรา เนื่องจากระยะต่อไปจะเป็นช่วงฤดูฝน ปริมาณและการกระจายของฝนจะเพิ่มขึ้นทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง

ภาคกลาง

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ตลอดช่วง ในช่วงวันที่ 9-11 พ.ค. ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 12-14 พ.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส

  • พื้นที่การเกษตร สำหรับพื้นที่เกษตรกรที่เป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควร เตรียมพื้นที่เพาะปลูกให้มีการระบายน้ำที่ดี เพื่อป้องกันน้ำขังในแปลงปลูก เมื่อมีฝนตกติดต่อกัน รวมทั้งขุดลอกคูคลองและทางระบายน้ำอย่าให้ตื้นเขิน น้ำไหลได้สะดวก
  • ไม้ผล เนื่องจากระยะต่อไปจะเป็นช่วงฤดูฝน เกษตรกรที่ปลูกไม้ผล ไม่ควรปล่อยให้ผลที่ร่วงหล่นเน่าเสียกองอยู่ในบริเวณสวนแต่ควรนำไปกำจัดให้ถูกวิธี โดยเผาหรือฝังให้ลึก เพื่อตัดวงจรชีวิตของโรคและศัตรูพืช
  • สัตว์เลี้ยง ระยะนี้อากาศเปลี่ยนแปลงโดยมีอากาศร้อนและมีฝนตกในบางวันผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย ไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคตะวันออก

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ตลอดช่วง กับมีลมกระโชกแรง ในช่วงวันที่ 9-11 พ.ค. ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 12-14 พ.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส

  • พื้นที่การเกษตร เนื่องจากระยะต่อไปจะเป็นช่วงฤดูฝน พื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรจัดเตรียมระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำขังในพื้นที่เพาะปลูก ทำให้ต้นพืชเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อราได้
  • ไม้ผล สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะผลแก่และเก็บเกี่ยว เกษตรกร ไม่ควรปล่อยให้ผลที่ร่วงหล่นและเน่าเสียกองอยู่ในบริเวณสวน เพราะจะเป็นแหล่งสะสมของโรคและศัตรูพืชโดยเฉพาะโรคที่เกิดจากเชื้อไฟทอปโธราที่อาจลุกลามจากเปลือกและผลที่เน่าเสียมาสู่ต้นของไม้ผลได้

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 9-11 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเล มีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 12-14 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 9-11 พ.ค.มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเล มีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 12-14 พ.ค. มีฝน ฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

  • พื้นที่การเกษตร เนื่องจากระยะต่อไปจะเป็นช่วงฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ภาคใต้ฝั่งตะวันตกซึ่งเป็นด้านรับลมมรสุมดังกล่าวจะมีปริมาณและการกระจายของฝนมากกว่าทางภาคใต้ฝั่งตะวันออก เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก ขุดลอกคูคลอง และสันดอนปากแม่น้ำอย่าให้ตื้นเขิน น้ำสามารถไหลได้สะดวก เพื่อป้องกันน้ำท่วมพื้นที่เพาะปลูก
  • พืชสวน สำหรับผู้ที่ปลูกพืชสวนควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
  • สัตว์น้ำ ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อ เพราะจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยน สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย และหลังจากฝนตกเกษตรกรควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อให้น้ำรวมเป็นเนื้อเดียวกัน ป้องกันน้ำแยกชั้น และการเปิดเครื่องตีน้ำเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ