ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 25 สิงหาคม 2560 - 31 สิงหาคม 2560
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 25-29 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 30-31 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.
-กาแฟ ในช่วงที่มีฝนตกต่อเนื่องทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง ชาวสวนกาแฟควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคราสนิม และโรคเน่าคอดินในกาแฟต้นอ่อน โดยดูแลพื้นที่เพาะปลูกให้โปร่งอากาศภ่ายเทได้สะดวก แสงแดดส่องได้ทั่วถึง และเก็บกวาดใบและส่วนของพืชที่เป็นโรคไปกำจัด เพื่อป้องกันเชื้อโรคลุกลามไปยังต้นอื่น
-พื้นที่การเกษตร ระยะนี้จะมีฝนตกชุกกับมีฝนตกหนักบางพื้นที่ เกษตรกรควรดูแลพื้นที่การเกษตรให้โปร่ง อากาศถายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นสะสมในอากาศและจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพเพื่อลดความชื้นของดิน ภายในแปลงปลูก ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผักต่างๆ ที่มักระบาดในช่วงฤดูฝน ซึ่งจะทำให้ต้นพืชเสียหาย ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 25-29 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 30-31 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
-สัตว์เลี้ยง ระยะนี้จะมีฝนตกชุก ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ชื้นแฉะเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้สัตว์เลี้ยงอ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย โดยเฉพาะโรคปากและเท้าเปื่อย และโรคคอบวมใน โคและกระบือ เป็นต้น รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ที่ป่วย และสารคัดหลั่งจากสัตว์ โดยตรงหากมีความจำเป็นต้องสัมผัสควรสวมถุงมือยาง ทุกครั้ง
-ข้าวนาปี ในช่วงที่มีน้ำท่วม ชาวนาควรระวังและป้องกันการระบาดของหอยเชอรี่ที่ลอยมากับน้ำ โดยใช้ตาข่ายดักบริเวณทางน้ำไหลเข้านา แล้วจับหอยไปทำลาย เพื่อป้องกันหอยดังกล่าวเข้ามาแพร่พันธุ์ในแปลงนา และกัดกินต้นข้าวทำให้ต้นข้าวเสียหาย ผลผลิตลดลง
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 25-29 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 30-31 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
-พื้นที่การเกษตร สำหรับพื้นที่การเกษตรที่เป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำในพื้นที่เพาะปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำขังในแปลงปลูกเป็นเวลานานทำให้รากพืชเน่าต้นพืชตาย นอกจากนี้ควรจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับสูบน้ำเอาไว้ให้พร้อมใช้งาน
-สัตว์เลี้ยง ในช่วงฤดูฝนแมลงและศัตรูสัตว์ต่างๆ เช่น ยุง เหลือบ ริ้น ไร ต่างๆ จะเจริญเติบโตได้ดี เกษตรกรควรระวังและป้องกันศัตรูสัตว์ดังกล่าวมารบกวนสัตว์เลี้ยง ทำให้สัตว์ชะงักการเจริญเติบโต นอกจากนี้ศัตรูสัตว์บางชนิดอาจเป็นพาหะนำโรคมาสู่สัตว์เลี้ยงได้
ภาคตะวันออก
มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ ตลอดช่วงกับมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยในช่วงวันที่ 26-28 ส.ค.จะมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
-พื้นที่การเกษตร ในช่วงที่มีฝนตกหนักติดต่อกัน พื้นที่การเกษตรที่เป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ อย่าให้น้ำท่วมขังในพื้นที่เพาะปลูกเป็นเวลานาน เกิน 7 วัน เพราะจะทำให้รากพืชขาดอากาศต้นพืชตายได้
-ไม้ผล ในช่วงฤดูฝนวัชพืชต่างๆจะเจริญเติบโตได้ดี ชาวสวนผลไม้ควรกำจัดวัชพืชในสวน เพื่อไม่ให้แย่งน้ำและปุ๋ยจากพืชที่ปลูก และเป็นการตัดวงจรชีวิตของโรคและศัตรูพืช เนื่องจากโรคและศัตรูพืชบางชนิดสามารถเจริญเติบโตได้ดีในวัชพืช
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ในช่วงวันที่ 25-26 ส.ค. มีฝน ฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 27-31 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส
-ไม้ผล สำหรับพื้นที่ซึ่งมีฝนตกหยุดสลับกัน ชาวสวนผลไม้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินใบและยอดอ่อนของพืช ทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต
-ชาวเรือและชาวประมง ในช่วงวันที่ 25 -29 ส.ค. บริเวณทะเลอันดามันจะมีคลื่นลมค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง มากกว่า 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
ในช่วงวันที่ 26-29 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 30-31 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนัก บางพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
-พื้นที่การเกษตร ในช่วงวันที่ 25-29 ส.ค. มรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรง ภาคใต้ฝั่งตะวันตกซึ่งเป็นด้านรับลมมรสุมดังกล่าวจะมีปริมาณและการกระจายของฝนมากกว่าทางภาคใต้ฝั่งตะวันออก กับมีฝนตกหนักได้บางพื้นที่เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากภาวะฝนที่ตกหนัก โดยจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ
-ไม้ผล สำหรับพื้นที่ซึ่งมีฝนตกหยุดสลับกัน ชาวสวนผลไม้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินใบและยอดอ่อนของพืช ทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต
-ชาวเรือและชาวประมง ในช่วงวันที่ 25 -29 ส.ค. บริเวณทะเลอันดามันจะมีคลื่นลมค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง มากกว่า 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74