ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 01 กันยายน 2560 - 07 กันยายน 2560
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 1 - 3 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 4 - 7 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.
- พื้นที่การเกษตร ในช่วงวันที่ 4-7 ก.ย.จะมีฝนตกเพิ่มขึ้น สำหรับพื้นที่การเกษตรซึ่งเป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรระวังป้องกันความเสียหายเนื่องจากน้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืช ซึ่งจะทำให้รากพืชขาดอากาศ ต้นพืชตายได้
- ข้าวนาปี ระยะนี้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง สภาพอากาศมีความชื้นสูง สำหรับข้าวนาปีที่กำลังแตกกอ ชาวนาควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคไหม้และโรคใบจุดสีน้ำตาล เป็นต้น ซึ่งจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโตและผลผลิตลดลง
- ไม้ผลระยะนี้จะยังคงมีฝนตกสลับกับมีแสงแดด สำหรับไม้ผลเช่น ลิ้นจี่และลำไย ซึ่งอยู่ในระยะแตกใบอ่อนและใบสะสมอาหาร ชาวสวนควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชชนิดต่างๆ เช่น หนอนเจาะกิ่ง แมลงค่อมทอง และหนอนกินใต้ผิวเปลือก ซึ่งจะทำให้ใบและต้นของไม้ผลเสียหายได้
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 1 - 3 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 4 - 7 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
- พื้นที่การเกษตร ในช่วงวันที่ 4-7 ก.ย.จะยังคงมีฝนตกเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะทางตอนบนและด้านตะวันออกของภาค สำหรับพื้นที่การเกษตรซึ่งเป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรระวังป้องกันความเสียหายเนื่องจากน้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืช ซึ่งจะทำให้รากพืชขาดอากาศ ต้นพืชตายได้
- สัตว์เลี้ยง ในช่วงที่มีฝนตกทำให้ความชื้นในอากาศเพิ่มสูงขึ้น และเกิดสภาวะอับชื้นซึ่งอาจทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ง่าย ประกอบกับสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงจะทำให้สัตว์เลี้ยงเครียด อ่อนแอและติดเชื้อโรคต่างๆได้ ดังนั้นผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนให้โปร่ง และไม่อับชื้น รวมทั้งควรหมั่นสังเกต หากพบสัตว์ป่วยควรแยกออกจากกลุ่มและรีบรักษา
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 1 - 3 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 4 – 7 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
- พื้นที่การเกษตร ในช่วงวันที่ 4-7 ก.ย.จะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับพื้นที่การเกษตรซึ่งเป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรระวังป้องกันความเสียหายเนื่องจากน้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืช ซึ่งจะทำให้รากพืชขาดอากาศ ต้นพืชตายได้
- ไม้ผล ระยะนี้จะมีฝนตกสลับกับมีแสงแดด สำหรับไม้ผล เช่น ฝรั่งและส้มโอ ชาวสวนควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชชนิดต่างๆ เช่น แมลงวันผลไม้ แมลงค่อมทองและหนอนแก้วส้ม ซึ่งจะทำให้ใบและผลผลิตเสียหายได้
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 1 – 3 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 -30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1- 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 4 – 7 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 -35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส
- พื้นที่การเกษตร ระยะนี้จะยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และในช่วงวันที่ 4-7 ก.ย.จะมีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางพื้นที่ สำหรับพื้นที่การเกษตรซึ่งเป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรระวังป้องกันความเสียหายเนื่องจากน้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืช ซึ่งจะทำให้รากพืชขาดอากาศ ต้นพืชตายได้
- ยางพารา ระยะนี้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง สภาพอากาศมีความชื้นสูง อาจชักนำให้เกิดโรคพืชจากเชื้อรา เช่น โรคเส้นดำ และโรคราสีชมพู เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ผลผลิตลดลง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ในช่วงวันที่ 1 – 3 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 -30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1- 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 4 – 7 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 -35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส
- พื้นที่การเกษตร ช่วงที่ผ่านมาบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนตกน้อยโดยเฉพาะบริเวณตอนบนของภาค และช่วง 7 วันข้างหน้าแม้จะมีฝนแต่ปริมาณอาจไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรบริเวณดังกล่าวจึงควรจัดหาน้ำให้แก่พืชที่ปลูกตามความเหมาะสม ส่วนบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตกจะมีฝนตกหนักได้บางพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
- ยางพารา ในช่วงวันที่ 4-7 ก.ย. บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตกจะมีฝนตกต่อเนื่องกับมีฝนตกหนักบางแห่ง ซึ่งจะทำให้สภาพอากาศมีความชื้นสูง อาจชักนำให้เกิดโรคพืชจากเชื้อรา เช่น โรคเส้นดำ และโรคราสีชมพู เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ผลผลิตลดลง
- ชาวเรือและชาวประมง ในช่วงวันที่ 4-7 ก.ย. บริเวณทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
ในช่วงวันที่ 1 – 3 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 -35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 4 – 7 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20 -35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส
- พื้นที่การเกษตร ช่วงที่ผ่านมาบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนตกน้อยโดยเฉพาะบริเวณตอนบนของภาค และช่วง 7 วันข้างหน้าแม้จะมีฝนแต่ปริมาณอาจไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรบริเวณดังกล่าวจึงควรจัดหาน้ำให้แก่พืชที่ปลูกตามความเหมาะสม ส่วนบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตกจะมีฝนตกหนักได้บางพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
- ยางพารา ในช่วงวันที่ 4-7 ก.ย. บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตกจะมีฝนตกต่อเนื่องกับมีฝนตกหนักบางแห่ง ซึ่งจะทำให้สภาพอากาศมีความชื้นสูง อาจชักนำให้เกิดโรคพืชจากเชื้อรา เช่น โรคเส้นดำ และโรคราสีชมพู เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ผลผลิตลดลง
- ชาวเรือและชาวประมง ในช่วงวันที่ 4-7 ก.ย. บริเวณทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74