พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 29 พฤศจิกายน - 5 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ข่าวทั่วไป Wednesday November 29, 2017 15:10 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน - 5 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ออกประกาศวันพุธที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 143/60

การคาดหมายลักษณะอากาศในช่วงวันที่ 29 พ.ย. - 1 ธ.ค. ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียสกับมีหมอกในตอนเช้า แต่ยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ สำหรับคลื่นลมบริเวณ อ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 2-5 ธ.ค. ประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศหนาวเย็นลง อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง สำหรับภาคใต้ยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

คำเตือนในช่วงวันที่ 29 พ.ย. - 1 ธ.ค. บริเวณภาคใต้จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ เกษตรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว สำหรับบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง โดยในช่วงวันที่ 29 พ.ย. - 1 ธ.ค. เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่ง

ภาคเหนือ

สภาพอากาศ 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 29 พ.ย. - 1 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 2-5 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิ จะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 15-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • พื้นที่การเกษตร ในระยะนี้จะมีอากาศหนาวเย็น ปริมาณและการกระจายของฝนมีน้อย เกษตรกรควรใช้น้ำเพื่อการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ และควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติมตามความเหมาะสม
  • ไม้ผล สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะเตรียมแตกตาดอก เช่น ลิ้นจี่ และลำไย เป็นต้น เกษตรกรควรกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้น ให้โล่งเตียน และงดให้น้ำ เพื่อรออากาศหนาวเย็นที่ยาวนานเพียงพอ พืชก็จะแทงช่อดอก และเมื่อเห็นดอกชัดเจนแล้วจึงค่อยให้น้ำ โดยให้ในปริมาณที่น้อยก่อนแล้วค่อยเพิ่มปริมาณขึ้น

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

สภาพอากาศ 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 29 พ.ย. - 1 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิ จะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 2-5 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิ จะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 14-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-30 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • พื้นที่การเกษตร ในช่วงนี้ปริมาณและการกระจายของฝนมีน้อย ทำให้ความชื้นในดินลดลง หากเกษตรกรต้องการปลูกพืชจะต้องมีน้ำสำรองไว้ให้แก่พืชในระยะเจริญเติบโต ถ้าพืชได้รับน้ำไม่เพียงพอ จะทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโตและผลผลิตลดลง
  • สัตว์เลี้ยง ในระยะนี้จะมีอากาศหนาวเย็น เกษตรกรไม่ควรปล่อย ให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งแจ้งในตอนกลางคืน เพราะอาจทำให้สัตว์ที่ไม่แข็งแรงตายได้ รวมทั้งควรทำแผงกำบังลมหนาว และเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือน เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงหนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคกลาง

สภาพอากาศ 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 29 พ.ย. - 1 ธ.ค. มีเมฆบางส่วนกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 2-5 ธ.ค. อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • พื้นที่การเกษตร สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำที่ได้เก็บกักไว้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงแล้ง
  • สัตว์เลี้ยง ในระยะนี้ทางตอนบนของภาคจะมีอากาศเย็น เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็วเพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็กควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือน เพื่อป้องกันสัตว์หนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคตะวันออก

สภาพอากาศ 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 29 พ.ย. - 1 ธ.ค. มีเมฆบางส่วนกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 2-5 ธ.ค. อากาศเย็น อุณหภูมิ จะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • พื้นที่การเกษตร ในระยะนี้ปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาด ของศัตรูพืชจำพวกหนอนในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืช ทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ
  • สัตว์น้ำ ในระยะนี้จะมีอากาศเย็น เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำ ควรลดปริมาณอาหารลง เนื่องจากสภาพอากาศ หนาวเย็นจะทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้น้อย อาหาร ที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย ทำให้สัตว์น้ำอ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย รวมทั้งควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้อุณหภูมิน้ำเปลี่ยนแปลงรวดเร็วและเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ

ภาคใต้

สภาพอากาศ 7 วันข้างหน้า

ฝั่งตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ตลอดช่วง กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ในช่วงวันที่ 29 พ.ย. - 1 ธ.ค. ในช่วงวันที่ 29 พ.ย. - 1 ธ.ค. ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ในช่วงวันที่ 2-5 ธ.ค. ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-30 องศาเซลเซียส

ฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ตลอดช่วง โดยมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วงวันที่ 29 พ.ย. - 1 ธ.ค. ในช่วงวันที่ 29 พ.ย. -1 ธ.ค. ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 2-5 ธ.ค. ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-30 องศาเซลเซียส

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • พื้นที่การเกษตร ในระยะนี้จะมีฝนตกชุกหนาแน่นกับมีฝนตกหนัก ถึงหนักมากหลายพื้นที่ อาจทำให้มีพื้นที่น้ำท่วมเพิ่มขึ้นได้ เกษตรควรระวังอันตรายและป้องกัน ความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว รวมทั้งควรจัดระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันน้ำท่วม สำหรับพื้นที่เพาะปลูกที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกร ไม่ควรปล่อยให้น้ำท่วมขังในแปลงปลูกเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้รากพืชเน่า ต้นพืชตายได้
  • พืชสวน ในช่วงที่มีฝนตกติดต่อกันทำให้ดินและอากาศ มีความชื้นสูง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชสวน เช่น โรครากเน่าโคนเน่าในไม้ผล โรคหน้ากรีดยางในยางพารา และโรคราสีชมพูในลองกอง เป็นต้น โดยดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
  • ชาวเรือและชาวประมง ในระยะนี้บริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วย ความระมัดระวัง โดยในช่วงวันที่ 29 พ.ย. - 1 ธ.ค. เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่ง
รายงานสถานการณ์สมดุลน้ำใน 7 วันที่ผ่านมา และการคาดการณ์ผลกระทบต่อการเกษตร ในช่วงวันที่ 29 พ.ย. - 5 ธ.ค. 2560

ปริมาณฝนสะสมเดือนพฤศจิกายน (วันที่ 1-28 พ.ย.) บริเวณประเทศไทยตอนบนมีปริมาณฝนสะสม 1-50 มม. เป็นส่วนใหญ่ เว้นแต่บริเวณภาคตะวันออกและด้านตะวันตกของภาคกลางมีปริมาณฝนตกสะสมมากกว่าบริเวณอื่นโดยมีปริมาณฝนสะสม 100-150 มม. สำหรับภาคใต้มีปริมาณฝนสะสม 100-800 มม.

ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา บริเวณประเทศไทยตอนบนมีปริมาณฝนสะสม 1-50 มม. สำหรับภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมามีปริมาณฝนสะสม 1-50 มม. และตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปมีปริมาณฝนสะสม 100-600 มม.

ศักย์การคายระเหยน้ำสะสม บริเวณประเทศไทยมีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 15-25 มม. เป็นส่วนใหญ่ เว้นแต่บริเวณตอนล่างของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลางมีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสมสูงสุด 25-30 มม.

สมดุลน้ำสะสม บริเวณประเทศไทยตอนบนมีสมดุลน้ำสะสมเป็นลบเป็นส่วนใหญ่ โดยมีค่า (-1)-(-30) มม. เว้นแต่บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงรายและระยอง มีสมดุลน้ำสะสมเป็นบวก โดยมีค่า 1-40 มม. สำหรับภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ขึ้นมา มีสมดุลน้ำสะสมเป็นลบ โดยมีค่า (-1)-(-20) มม. และตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปมีสมดุลน้ำสะสมเป็นบวก โดยมีค่า 1-600 มม.

คำแนะนำ ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนตกน้อย และในช่วง 7 วันข้างหน้าจะมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง เกษตรกรจึงควรจัดหาน้ำให้แก่พืชที่ปลูกตามความเหมาะสม โดยเฉพาะพืชที่มีระบบรากตื้น เพื่อป้องกันพืชชะงักการเจริญเติบโต ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ เกษตรกรควรจัดทำระบบระบายน้ำในพื้นที่การเกษตร เพื่อป้องกัน น้ำท่วมขังโคนต้นพืชเมื่อมีฝนตกหนัก

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ