พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ระหว่างวันที่ 4 - 10 ธันวาคม พ.ศ. 2560
ออกประกาศวันจันทร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2560
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 145/60
การคาดหมายลักษณะอากาศในช่วงวันที่ 4-7 ธ.ค. ประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศหนาวเย็นลง สำหรับภาคใต้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 8-10 ธ.ค. ประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศหนาวเย็นลง อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง สำหรับภาคใต้ยังคงมีคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
คำเตือนบริเวณภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปยังคงต้องระวังเรื่องฝนตกหนัก ฝนที่ตกสะสม และคลื่นลมแรง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างและทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งในช่วงนี้
คำแนะนำสำหรับการเกษตร
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ในช่วงวันที่ 4-7 ธ.ค. ทางตอนบนอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-16 องศาเซลเซียสส่วนทางตอนล่างอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 8 -10 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 14-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-31 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 3-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ในระยะนี้มีอากาศหนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงวันที่8 - 10 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้ได้รับความอบอุ่นเพียงพอ
- ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรหมั่นสังเกตสัตว์ที่เลี้ยงเนื่องจากในช่วงที่อากาศหนาวเย็น อุณหภูมิน้ำจะลดลงทำให้สัตว์น้ำเครียดและจะกินอาหารน้อยลง เกษตรกรควรลดปริมาณอาหารที่ให้เพื่อป้องกันอาหารเหลือ ซึ่งจะทำให้น้ำเน่าเสีย รวมทั้งควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อเพิ่มออกซิเจนในน้ำและปรับอุณหภูมิน้ำในบ่อเลี้ยง
- สำหรับอากาศเย็นและชื้นในตอนเช้าเหมาะกับการเกิดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราเกษตรกรควรหมั่นสำรวจแปลงปลูก หากพบควรรีบกำจัด
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ในช่วงวันที่ 4-7 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาว ส่วนในช่วงวันที่ 8 -10 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 14-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-30 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ในระยะนี้มีอากาศเย็นอย่างต่อเนื่องกับมีลมแรง โดยในช่วงวันที่8 - 10 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้ได้รับความอบอุ่นเพียงพอ
- สำหรับสภาพอากาศแห้งในตอนกลางวันกับมีลมแรงทำให้น้ำระเหยออกจากบริเวณผิวดิน เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืช และโคนต้นพืช ด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำและเป็นการรักษาความชื้นภายในดิน
ภาคกลาง
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ในช่วงวันที่ 4-7 ธ.ค. อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 8 -10 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำที่ได้เก็บกักไว้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงแล้ง
- ส่วนเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ทางตอนบนของภาคควรให้ความอบอุ่นแก่สัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็ก เพื่อป้องกันสัตว์หนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
ภาคตะวันออก
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ในช่วงวันที่ 4-7 ธ.ค. อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 8-10 ธ.ค. มีเมฆบางส่วนกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
-ในระยะนี้มีอากาศเย็น และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้ได้รับความอบอุ่นเพียงพอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง
- ในระยะนี้ปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืช ทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ
ภาคใต้
พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 4-8 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20 -40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 9 -10 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่งทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20 -35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-30 องศาเซลเซียสความชื้นสัมพัทธ์ 80-90 %
ฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 4-8 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-60 ของพื้นที่และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20 - 40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 9-10 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่งทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20 -35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตรอุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-30 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90 %
ผลกระทบต่อพืช/สัตว์
- ในระยะนี้ยังคงมีฝนตกหนัก โดยเฉพาะทางตอนล่างของภาค อาจทำให้มีพื้นที่น้ำท่วมเพิ่มขึ้นได้ เกษตรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าวโดยเฉพาะพื้นที่เพาะปลูกที่อยู่ในที่ลุ่ม
- ในช่วงที่มีฝนตกติดต่อกันทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชสวน เช่น โรครากเน่าโคนเน่าในไม้ผล โรคหน้ากรีดยางในยางพารา และโรคราสีชมพูในลองกอง เป็นต้น โดยดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
- อนึ่ง ในวันที่ 4-8 ธ.ค.บริเวณอ่าวไทยตอนล่างและทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง โดยเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างและทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่ง ต่อจากนั้นทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
ปริมาณฝนสะสมเดือนธันวาคม (วันที่ 1-3 ธ.ค.) บริเวณประเทศไทยตอนบนไม่มีปริมาณฝนสะสมที่ตรวจวัดได้ สำหรับภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมามีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 25 มม. และตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปมีปริมาณฝนสะสม 25-200 มม.
ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา บริเวณประเทศไทยตอนบนไม่มีปริมาณฝนสะสมที่ตรวจวัดได้ สำหรับภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมามีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 50 มม. และตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปมีปริมาณฝนสะสม 50-600 มม.
ศักย์การคายระเหยน้ำสะสม บริเวณประเทศไทยมีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 10-25 มม. เป็นส่วนใหญ่ เว้นแต่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างและภาคกลางด้านตะวันออกมีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 25 - 30 มม.
สมดุลน้ำสะสม บริเวณประเทศไทยตอนบนมีสมดุลน้ำสะสมเป็นลบเป็นส่วนใหญ่ โดยมีค่า (-10)-(-30) มม. สำหรับภาคใต้ตั้งแต่จ.ชุมพรขึ้นมามีสมดุลน้ำสะสม (-1)-(-30) มม. และตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปมีสมดุลน้ำสะสม 10-600 มม.
คำแนะนำ ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนตกน้อย และในช่วง 7 วันข้างหน้าจะมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก และวางแผนการใช้น้ำที่เก็บกักไว้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงที่มีฝนตกน้อย ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งมักระบาดในช่วงที่ดินและอากาศมีความชื้นสูง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74