พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 10 - 16 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ข่าวทั่วไป Wednesday January 10, 2018 15:44 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ระหว?งวันที่ 10-16 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ออกประกาศวันพุธที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2561

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 5/61

การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 10 - 12 ม.ค. 61 ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองบริเวณภาคเหนือ ภาคกลางและภาคใต้ โดยอากาศจะหนาวเย็นลงกับมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 13-14 ม.ค. 61 อุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ส่วนในช่วงวันที่ 15-16 ม.ค. 61 ประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น 4-6 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า สำหรับภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ในช่วงวันที่ 10-15 ม.ค. 61 คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

คำเตือน ในช่วงวันที่ 10 - 13 ม.ค. 61 ขอให้เกษตรกรบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงไว้ด้วย สำหรับในช่วงวันที่ 10 - 15 ม.ค. 61เกษตรกรที่อาศัยบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออก ระวังคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าฝั่ง และชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่ง ส่วนในช่วงวันที่ 14-15 ม.ค. 61 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย

คำแนะนำสำหรับการเกษตร

ภาคเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 11 - 14 ม.ค. 61 อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียสกับมีลมแรง โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 13-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 23-27 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 3-7 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ในช่วงวันที่ 15 - 16 ม.ค. 61 อากาศเย็น อุณหภูมิจะสูงขึ้น 3-5 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาบางพื้นที่ โดยมีฝนเล็กน้อย ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้สภาพอากาศแปรปรวน โดยมีอากาศหนาวเย็นกับมีฝนตก เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้ได้รับความอบอุ่นเพียงพอ เพื่อป้องกันร่างกายปรับตัวไม่ทันจะอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้งเพราะอาจทำให้เปียกชื้นเสียหายได้
  • ในช่วงวันที่ 11 - 14 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่
ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • สำหรับสภาพอากาศเย็นและชื้น เป็นสภาวะแวดล้อมที่เชื้อราสามารถเจริญเติบโตได้ดี โดยเฉพาะบริเวณที่มีการปลูกพืชใกล้ชิดกันมากหรือปลูกพืชในที่ร่ม มีอากาศถ่ายเทน้อยเกษตรกรควรหมั่นสำรวจแปลงปลูก เมื่อพบควรรีบกำจัดก่อนระบาดไปยังแปลงปลูกอื่นๆ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 11 - 13 ม.ค. 61 อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียสกับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 13-17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 23-28 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ในช่วงวันที่ 14 - 15 ม.ค. 61 อุณภูมิจะสูงขึ้น 3-5 องศาเซลเซียส แต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

-ระยะนี้จะมีอากาศหนาวโดยทั่วไป โดยอุณหภูมิจะลดลง 4- 6 องศาเซลเซียสกับมีลมแรง เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนไม่ให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เช่น ทำแผงกำบังลมหนาวหรือเพิ่มดวงไฟในโรงเรือนเพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็ก

  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงปลาในกระชัง ควรลดปริมาณอาหาร เพราะช่วงที่อากาศเย็น ปลาจะกินอาหารได้น้อยลง อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย ส่งผลให้ปลาอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคกลาง

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 10 - 13 ม.ค. 61 อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียสกับมีลมแรง โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่งในระยะแรก อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ในช่วงวันที่ 14 - 15 ม.ค. 61 อุณภูมิจะสูงขึ้น 3-5 องศาเซลเซียส แต่ยังคงมีอากาศเย็นมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส บริเวณเทือกเขามีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำ สุด 9-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ในช่วงวันที่ 10 - 14 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส กับมีลมแรงโดยเฉพาะทางตอนบนของภาค ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว รวมทั้งทำแผงกำบังลมหนาวที่โกรกเข้าโรงเรือน เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด โดยให้น้ำแก่พืชครั้งละน้อยๆแต่บ่อยครั้ง หรือให้น้ำแก่พืชในช่วงเย็น เพื่อลดการสูญเสียน้ำ โดยการระเหย และวางแผนการใช้น้ำ ให้มีประสิทธิภาพเพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงแล้ง

ภาคตะวันออก

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 10 - 14 ม.ค. 61 อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียสกับมีลมแรง โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่งในระยะแรก อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-30 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ในช่วงวันที่ 14 - 15 ม.ค. 61 อุณภูมิจะสูงขึ้น อุณหภูมิสูงขึ้น 3-5 องศาเซลเซียส แต่ยังคงมีอากาศเย็นมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ในช่วงวันที่ 10 - 14 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่
ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในช่วงที่อากาศเย็น สัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อยลงทำให้สัตว์น้ำเจริญเติบโตช้า และอาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย เกษตรกรควรลดปริมาณอาหารลงรวมทั้งควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อเพิ่มออกซิเจนในน้ำและปรับอุณหภูมิน้ำในบ่อเลี้ยง

ภาคใต้

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ฝั่งตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วงวันที่ 10 - 15 ม.ค. 61 ตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีขึ้นมา: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 % ฝั่งตะวันตก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ตลอดช่วง ในช่วงวันที่ 10 - 15 ม.ค. 61 ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้จะมีฝนตกหนักบางพื้นที่โดยเฉพาะทางฝั่งตะวันออกของภาค เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
  • ในช่วงที่มีฝนตกติดต่อกันโดยเฉพาะทางตอนล่างของภาค ทำให้ความชื้นในดินและในอากาศมีสูง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคหน้ากรีดยางในยางพารา โรครากเน่าโคนเน่าในไม้ผล และโรคผลเน่าในกาแฟ เป็นต้น
  • ในช่วงวันที่ 10-15 ม.ค. บริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นลมแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร เกษตรกรที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งควรระวังอันตรายและ

ป้องกันความเสียหายจากคลื่นลมแรงซัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

รายงานสถานการณ์สมดุลน้ำใน 7 วันที่ผ่านมา และการคาดการณ์ผลกระทบต่อการเกษตร ในช่วงวันที่ 10-16 มกราคม 2561

ปริมาณฝนสะสมเดือนมกราคม (ในช่วงวันที่ 1-9 ม.ค.) บริเวณประเทศไทยมีปริมาณฝนสะสมน้อยกว่า 100 มม. โดยบริเวณภาคกลางด้านตะวันออกและตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคไต้ฝั่งตะวันออกตอนล่าง ภาคใต้ฝั่งตะวันตกตอนบนมีปริมาณฝนสะสมมากกว่าบริเวณอื่นๆ

ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา บริเวณประเทศไทยมีปริมาณฝนสะสมน้อยกว่า 100 มม. โดยบริเวณภาคกลางด้านตะวันออกและตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคไต้ฝั่งตะวันออกตอนล่าง ภาคใต้ฝั่งตะวันตกตอนบนมีปริมาณฝนสะสมมากกว่าบริเวณอื่นๆ ศักย์การคายระเหยน้ำสะสม บริเวณประเทศไทยส่วนมากมีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 15-25 มม. เว้นแต่ภาค

ตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างด้านตะวันออก มีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 25-30 มม.สมดุลน้ำสะสม บริเวณประเทศไทยมีสมดุลน้ำสะสม (-30) - (70) มม. โดยบริเวณด้านตะวันออกและตอนล่าง ของภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคไต้ฝั่งตะวันออกตอนล่าง ภาคใต้ฝั่งตะวันตกตอนบนมีสมดุลน้ำสะสม 1 - 70 มม.

คำแนะนำ ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาบริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นกับมีฝนบางพื้นที่ ส่วนภาคใต้มีฝนตกหนักบางพื้นที่สำหรับ 7 วันข้างหน้า อุณหภูมิจะลดลง 4-8 องศาเซลเซียส และมีฝนตกบางพื้นที่ เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอและดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยเนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน สำหรับภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว และระวังการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชสวนและพืชผัก ซึ่งจะทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ