พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 2 - 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ข่าวทั่วไป Friday February 2, 2018 15:00 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ระหว่างวันที่ 2 - 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ออกประกาศวันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 15/61

การคาดหมายลักษณะอากาศ ประเทศไทยตอนบนอุณหภูมิจะลดลงได้อีก 4-6 องศาเซลเซียส และมีอากาศหนาวเย็นอย่างต่อเนื่องกับมีลมแรงตลอดช่วง ในช่วงวันที่ 2-3 ก.พ. สำหรับภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น หลังจากนั้นภาคใต้จะมีฝนลดลง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างและทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ตลอดช่วง

คำเตือน ในช่วงนี้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีสภาพอากาศหนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงโดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่ง สำหรับเกษตรกรที่อยู่อาศัยบริเวณชายฝั่งควรระวังป้องกันความเสียหายจากคลื่นลมแรงซัดเข้าหาฝั่ง

คำแนะนำสำหรับการเกษตร

ภาคเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรงตลอดช่วง อุณหภูมิลดลง4-6 องศาเซลเซียส โดยในช่วงวันที่ 2-3 ก.พ. มีฝนเล็กน้อยบางพื้นที่ ตอนบนของภาคอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-14 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 24-27 องศาเซลเซียส ตอนล่างของภาคอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-29 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด1-7 องศาเซลเซีย ส และมีน้ำ ค้างแข็งบางพื้นที่ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้จะมีอากาศหนาวเย็นกับมีลมแรงและมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตไว้กลางแจ้ง เพื่อป้องกันการเปียกชื้น
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือน เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงหนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรงตลอดช่วง อุณภูมิลดลง4-6 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 11-16 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 24-27 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ในช่วงนี้จะมีอากาศหนาวเย็นกับมีลมแรง เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรทำแผงกำบังลมหนาวให้กับสัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันลมโกรกโรงเรือน สำหรับสัตว์ที่ยังเล็กควรเพิ่มดวงไฟภายในโรงเรือนเพื่อเพิ่มความอบอุ่นป้องกันสัตว์เลี้ยงหนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคกลาง

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 2-3 ก.พ. อากาศเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศาเซลเซียสลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.ส่วนในช่วงวันที่ 4-8 ก.พ. อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรงอุณหภูมิลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 15-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-29 องศาเซลเซียสลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้จะมีอากาศหนาวเย็นกับมีลมแรง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคตะวันออก

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง ตลอดช่วง อุณหภูมิลดลง4-6 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 14-20 องศาเซลเซียสอุณ ห ภูมิสูง สุด 27 -29 องศาเซลเซียสลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตรความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้จะมีอากาศหนาวเย็นกับมีลมแรง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะผลอ่อน เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้ผลชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ

ภาคใต้

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 2-3 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 4-8 ก.พ.ตอนบนของภาค อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิลดลง1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศาเซลเซียส ตอนล่างของภาคมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศา เซลเซียส สำหรับคลื่นลมมีกำลังแรงตลอดช่วง : ตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีขึ้นมา: ลมตะวันออก ความเร็ว20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป: ลมตะวันออกเฉียงเหนือความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตรบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตรความชื้นสัมพัทธ์ 80-90 %

ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 2-3 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนในวันที่ 4-8 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ2 เมตรห่างฝั่งมีคลื่นสูงมากว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ในช่วงวันที่ 2-3 ก.พ. จะมีฝนตกหนักบางพื้นที่ทางตอนล่างของภาค เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
  • สำหรับทางตอนบนของภาคจะมีอากาศเย็น เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • ส่วนทางตอนล่างของภาคสภาพอากาศมีความชื้นสูงเกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ในพืชสวนและพืชผักต่างๆ โดยดูแลพื้นที่เพาะปลูกให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นสะสม
  • ในช่วงวันที่ 2-8 ก.พ. คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงโดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่ง สำหรับเกษตรกรที่อยู่อาศัยบริเวณชายฝั่งควรระวังป้องกันความเสียหายจากคลื่นลมแรงซัดเข้าหาฝั่ง
รายงานสถานการณ์สมดุลน้ำใน 7 วันที่ผ่านมา และการคาดการณ์ผลกระทบต่อการเกษตร ในช่วงวันที่ 2 - 8 กุมภาพันธ์ 2561

ปริมาณฝนสะสมเดือนกุมภาพันธ์ (ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561) บริเวณประเทศไทยมีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 10 มม. เว้นแต่ที่จังหวัดระยอง ที่มีปริมาณฝนสะสม 5-25 มม.ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา บริเวณประเทศไทยตอนบนมีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 25 มม. เว้นแต่ภาคตะวันออกรวมทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑล มีปริมาณฝนสะสม 25-100 มม. สำหรับภาคใต้มีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 50 มม. เว้นแต่บริเวณจังหวัดกระบี่มีปริมาณฝนสะสม 50-100 มม.

ศักย์การคายระเหยน้ำสะสม บริเวณประเทศไทยตอนบนมีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 15-25 มม. สำหรับภาคใต้มีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 30-35 มม.

สมดุลน้ำสะสม บริเวณประเทศไทยตอนบนส่วนมากมีค่าสมดุลน้ำสะสม (-1)-(-30) มม. เว้นแต่ภาคตะวันออกมีค่าสมดุลน้ำสะสม 1-70 มม. สำหรับภาคใต้ส่วนมากมีค่าสมดุลน้ำสะสม (-1)-(-30) มม. เว้นแต่ภาคใต้ตอนกลางมีค่าสมดุลน้ำสะสม10-100 มม.

คำแนะนำ ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาบริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็น ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ สำหรับในช่วง 7 วันข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิลดลง4-6 องศาเซลเซียสกับมีลมแรง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อไม่ให้สัตว์เลี้ยงอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย สำหรับภาคใต้จะมีฝนตกหนักทางตอนล่างของภาค เกษตรกรควรระวังการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชสวนและพืชผัก ซึ่งจะทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ