พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 26 มีนาคม – 1 เมษายน พ.ศ. 2561

ข่าวทั่วไป Monday March 26, 2018 13:44 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 1 เมษายน พ.ศ. 2561

ออกประกาศวันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2561

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 36/61

การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 26 -28 มี.ค. ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 29 มี.ค. – 1 เม.ย. ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน กับมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ ภาคตะวันออก ส่วนภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น

คำเตือน ในช่วงวันที่ 29 มี.ค. – 1 เม.ย. ขอให้เกษตรกรบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกระมัดวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองที่จะเกิดขึ้นไว้ด้วย

คำแนะนำสำหรับการเกษตร

ภาคเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 26-30 มี.ค. อากาศร้อน กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนบนของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 31 มี.ค. – 1 เม.ย. อากาศร้อน กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 19-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 55-65%

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • สภาพอากาศที่ร้อนและแห้งในระยะนี้ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัยและไฟป่า โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก อาคารบ้านเรือน ตลอดจนโรงเก็บพืชผลทางด้านการเกษตร รวมทั้งหลีกเลี่ยงการเผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพราะควันไฟจะทำทัศนวิสัยลดลง เป็นอันตรายต่อการสัญจรและเป็นมลพิษทางอากาศ
  • สำหรับสภาพอากาศที่ร้อนในตอนกลางวัน เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ควรลดอุณหภูมิภายในโรงเรือน โดยดูแลโรงเรือนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก หรือฉีดน้ำเป็นฝอยภายในโรงเรือน รวมทั้งจัดหาน้ำดื่มให้กับสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันสัตว์เครียด อ่อนแอ และเจ็บป่วยได้ง่าย
  • สำหรับลิ้นจี่และลำไยที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล ชาวสวนควรดูแลให้น้ำเพิ่มเติม เพื่อป้องกันผลผลิตชะงักการเจริญเติบโตและแคระแกร็น รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชเช่น หนอนเจาะขั้วผลและมวนลำไย ซึ่งจะทำให้ผลผลิตเสียหายได้

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 26-28 มี.ค. อากาศร้อน กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่29 มี.ค. – 1 เม.ย. อากาศร้อน กับมีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่และมีลมกระโชกแรง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว10-25 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70%

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้แม้จะมีฝนแต่มีปริมาณน้อย ซึ่งไม่พอเพียงกับความต้องการของพืช เกษตรกรควรจัดหาน้ำให้แก่พืชที่ปลูกเพิ่มเติมตามความเหมาะสม และคลุมโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อสงวนความชื้นในดิน ส่วนผู้ที่ต้องการจะปลูกพืชรอบใหม่ ควรเลือกปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย และควรมีน้ำสำรองให้แก่พืชในระยะเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ หากพืชได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผลผลิตลดลง
  • สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงควรดูแลสภาพน้ำให้เหมาะสมกับชนิดของสัตว์น้ำที่เลี้ยง รวมทั้งดูแลจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยงให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำที่มีอยู่หากขาดความสมดุลจะทำให้สัตว์น้ำ อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • ส่วน ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในกระชังหากระดับน้ำลดลง เกษตรกรควรเคลื่อนย้ายกระชังลงไปในที่ซึ่งมีน้ำลึกกว่าเดิม

ภาคกลาง

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 26 มี.ค.– 1 เม.ย. อากาศร้อน กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-27องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้มีฝนตกน้อยและมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ทำให้ฝนที่ตกน้อยกว่าปริมาณน้ำที่สูญเสียจากการคายน้ำและการระเหยน้ำจากดินและพืช ดังนั้นเกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปรัง ควรจัดหาน้ำให้แก่ข้าวอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะแปลงนาที่ข้าวกำลังตั้งท้องและออกรวงเพื่อไม่ให้ผลผลิตลดลงและเสียหาย รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยชนิดต่างๆไว้ด้วย
  • สำหรับสภาพอากาศที่ร้อนในตอนกลางวัน เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ควรลดอุณหภูมิภายในโรงเรือน โดยดูแลโรงเรือนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก หรือฉีดน้ำเป็นฝอยภายในโรงเรือน รวมทั้งจัดหาน้ำดื่มให้กับสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันสัตว์เครียด อ่อนแอ และเจ็บป่วยได้ง่าย

ภาคตะวันออก

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 26-28 มี.ค. อากาศร้อน กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 29 มี.ค. – 1 เม.ย.อากาศร้อน กับมีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่และมีลมกระโชกแรง อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75%

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • สำหรับสวนผลไม้ หากในช่วงที่ผ่านมามีผลร่วงหล่นเนื่องจากลมแรง เกษตรกรควรนำไปกำจัดให้ถูกวิธี โดยเผาหรือฝังให้ลึกไม่ควรกองสุมอยู่ภายในบริเวณสวน เพราะจะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและศัตรูพืช
  • ส่วนฝนที่ตกในบางช่วง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผักต่างๆ ซึ่งศัตรูพืชดังกล่าวจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืชทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ
  • ระยะนี้ปริมาณน้ำระเหยจะมีมาก เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืช และโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดินและรักษาอุณหภูมิดิน

ภาคใต้

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 26-29 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 30 มี.ค. – 1 เม.ย.มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ลมตะวันออกความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ1 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 26-30 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 31 มี.ค. – 1 เม.ย.มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ลมตะวันออกความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตรอุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด33-35 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80%

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้แม้จะมีฝนตก แต่มีปริมาณน้อย ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมตามความเหมาะสม และคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไร ชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้พืชทรุดโทรม ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโตผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ
  • นอกจากนี้ เกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มีน้ำเพียงพอตลอดฤดูเพาะปลูก เช่นให้น้ำบริเวณทรงพุ่ม หรือระบบน้ำหยด
รายงานสถานการณ์สมดุลน้ำใน 7 วันที่ผ่านมา และการคาดการณ์ผลกระทบต่อการเกษตร ในช่วงวันที่ 26 มี.ค. – 1 เม.ย. 2561

ปริมาณฝนสะสมเดือนมีนาคม (ในช่วงวันที่ 1-25 มีนาคม) บริเวณประเทศไทยตอนบนมีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 100 มม.เว้นแต่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างด้านตะวันออกและภาคตะวันออกตอนล่าง มีปริมาณฝนสะสมสูงสุด 100-150 มม.สำหรับภาคใต้มีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 50 มม. เว้นแต่ภาคใต้ตอนบนมีปริมาณฝนสะสมสูงสุด 50-100 มม.

ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา บริเวณประเทศไทยตอนบนมีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 25 มม. เว้นแต่ภาคตะวันออกตอนล่าง มีปริมาณฝนสะสม 25-50 มม. สำหรับภาคใต้มีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 50 มม. เป็นส่วนใหญ่ศักย์การคายระเหยน้ำสะสม บริเวณประเทศไทยส่วนมากมีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 25-40 มม. โดยภาคเหนือตอนบนด้านตะวันตกและภาคใต้ตอนล่าง มีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสมมากกว่าบริเวณอื่นๆ

สมดุลน้ำสะสม บริเวณประเทศไทยตอนบนส่วนมากมีค่าสมดุลน้ำสะสม (-10)-(-40) มม. โดยภาคเหนือตอนบน ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้านตะวันตกมีค่าสมดุลน้ำที่เป็นลบมากกว่าบริเวณอื่นๆ สำหรับภาคใต้ส่วนมากมีค่าสมดุลน้ำสะสม (-40)-(40) มม. โดยสมดุลน้ำที่เป็นบวกอยู่บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนกลางและตอนล่าง

คำแนะนำ ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาบริเวณประเทศไทยตอนบนมีรายงานฝนตกหนักบางพื้นที่ กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวันสำหรับในช่วง 7 วันข้างหน้า บริเวณประเทศไทยจะมีอากาศร้อนกับมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ฝนที่ตกในระยะนี้จะมีปริมาณน้อยไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรควรระวังการระบาด ของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก ทำให้การผลิดอกออกผลลดลง ผลผลิตเสียหายได้ สำหรับภาคใต้แม้จะมีฝนแต่ปริมาณยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช เกษตรกรควรดูแลให้น้ำอย่างเพียงพอ และระวังป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ